ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าการรวมกิจการของ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL) และ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) ไม่มีผลกระทบต่ออันดับเครดิตของ BECL เมื่อพิจารณาจากแผนการแลกเปลี่ยนหุ้น ทั้งนี้ สิทธิและหน้าที่ต่อผู้ถือหุ้นกู้ของ BECL จะถูกโอนไปยังบริษัทใหม่ โดยสถานะความเสี่ยงด้านเครดิตของบริษัทใหม่จะสอดคล้องกับสถานะอันดับเครดิตของ BECL ในปัจจุบัน สถานะทางธุรกิจของบริษัทใหม่จะมีความแข็งแกร่งมากขึ้นจากการรวมธุรกิจทั้งทางด่วนและระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน ทว่าฐานะทางการเงินของบริษัทใหม่จะอ่อนตัวลงจากผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวของธุรกิจรถไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดที่แข็งแกร่งของธุรกิจทางด่วนจะช่วยสนับสนุนภาระทางการเงินของบริษัทใหม่ได้
เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2558 คณะกรรมการของ BECL ได้มีมติอนุมัติให้มีการควบรวมกิจการของ BECL และ BMCL ซึ่งการควบรวมต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัทในเดือนเมษายน 2558 เสียก่อน การรวมกิจการคาดว่าจะแล้วเสร็จและบริษัทใหม่จะสามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในเดือนสิงหาคม 2558
BECL เป็นผู้ก่อสร้างและบริหารโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 หรือโครงการทางพิเศษศรีรัชและโครงการทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด) และขณะนี้บริษัทกำลังดำเนินการก่อสร้างทางด่วนสายใหม่คือ โครงการทางพิเศษสาย
ศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ส่วน SOE) BMCL ดำเนินโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล (หัวลำโพง-บางซื่อ) และทำสัญญาให้บริการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปี 2559 ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่า สถานะทางธุรกิจของบริษัทใหม่จะมีความแข็งแรงโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากสินทรัพย์ที่มีคุณภาพทั้งทางด่วนและระบบรถไฟฟ้า ตลอดจนสัญญาการให้บริการในระยะยาว และโอกาสการเติบโตจากธุรกิจรถไฟฟ้าและโครงการใหม่ที่จะเริ่มเปิดดำเนินการใน 2 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในข่ายผู้มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมโครงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนของภาครัฐอีกด้วย
ทริสเรทติ้งมองว่า หลังการควบรวมสถานะการเงินโดยรวมของบริษัทจะอ่อนตัวลงจากเดิม โดยผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวของธุรกิจรถไฟฟ้าจะส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทใหม่ แต่ก็อยู่ในระดับที่ยอมรับได้โดยคำนึงถึงกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอของ BECL หนี้สินของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนตามแผนของบริษัท แต่บริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเมื่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงและทางด่วนส่วน SOE เปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2559
ปัจจัยกังวลในการรวมกิจการคือในกรณีที่เจ้าหนี้หรือผู้ถือหุ้นกู้ต้องการไถ่ถอนหนี้คืน ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะจัดเตรียมวงเงินรองรับให้เพียงพอ ในกรณีมีผู้ถือหุ้นบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการรวมกิจการในครั้งนี้ บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของทั้ง 2 บริษัทและ พันธมิตร ได้มีการเตรียมรับซื้อหุ้นของทั้ง 2 บริษัทคืนจากกลุ่มผู้ถือหุ้นที่ไม่เห็นด้วยในวงเงินรวม 1 หมื่นล้านบาทเอาไว้แล้ว ซึ่งคาดว่าเพียงพอที่จะทำให้การควบรวมกิจการเดินหน้าต่อไปได้ ในอนาคตหากมีเหตุการณ์อื่นใดเกิดขึ้นเพิ่มเติม ทริสเรทติ้งก็อาจมีการประเมินผลกระทบที่จะเกิดต่ออันดับเครดิตของบริษัทต่อไป
ปัจจุบัน BECL ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง