กรุงเทพ--16 ก.ย.--ทริส
บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศเครดิตวาระ 2 เรื่องคือ ผลอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท จี อี แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) และผลอันดับเครดิตหุ้นกู้แปลงสภาพไม่มีประกันมูลค่า 1,200 ล้านบาท ของบริษัทเดอะอินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) (ไออีซี) โดยอันดับเครดิตของ จี อี แคปปิตอล ออโต้ ลีส ยืนยันในระดับเดิมคือ A- ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนที่ดีทั้งด้านการดำเนินการ และด้านการเงินจาก บริษัทเจเนรัล อีเลคทริค แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น (จีอีซีซี) ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ให้บริการทางการเงินต่าง ๆ ในระดับโลกที่มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 270 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้อันดับเครดิตยังได้รับผลกระทบจากผลขาดทุนอย่างต่อเนื่องของบริษัท และคุณภาพของสินทรัพย์ที่ด้อยลง รวมทั้งความอ่อนไหวต่อสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย และอุปสงค์ของรถยนต์ที่ลดลงอย่างมาก
สำหรับอันดับเครดิตของหุ้นกู้แปลงสภาพของบริษัทเดอะอินเตอร์แนชั่นเนิล เอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) (ไออีซี) ทริสได้ลดอันดับลงเป็น "C" จากเดิมที่"B+" ซึ่งสะท้อนถึงฐานะการเงินที่เปราะบางของบริษัท โดยบริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานไม่พอที่จะชำระคืนเงินต้นจากการกู้ยืมภายในเวลาอันใกล้และมีอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อโครงสร้างส่วนทุนที่สูง ทำให้บริษัทละเมิดเงื่อนไขของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ระบุให้ต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไม่ให้เกิน 3 ต่อ 1 นอกจากนี้อันดับเครดิตยังแสดงถึงรายได้รวมของบริษัทที่ลดลง เพราะผลจากรายได้การขายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
ทริสวิเคราะห์ว่า บริษัท จี อี แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเดิมชื่อ บริษัท จี เอส แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยังคงดำเนินบทบาทการให้บริการทางการเงินสำหรับตลาดรถยนต์เพื่อสนับสนุนการขยายสถานภาพทางธุรกิจของ จี อี แคปปิตอลที่กำลังดำเนินการอยู่ในตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการให้บริการทางการเงินเพื่อการอุปโภคและบริโภค ภาวะประกอบการที่ยากลำบากของตลาดการให้บริการทางการเงินแก่ตลาดรถยนต์ ส่งผลให้ผลการดำเนินการของบริษัทอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งแรกของปี 2541 โดยสินเชื่อเช่าซื้อค้างชำระเพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วยสัดส่วน 6.5% ของสินเชื่อรวม การตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวนมาก และการขาดทุนจากการจำหน่ายรถยนต์ที่ยืดคืนมาตลอดจนค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมที่สูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการขาดทุนจากงบการเงินที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ จำนวน 80 ล้านบาท บริษัทคาดว่าการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน น่าจะช่วยให้ผ่านพ้นภาวะประกอบการที่ยากลำบาก ซึ่งคาดว่าจะต่อเนื่องในระยะ 2-3 ปี ข้างหน้าได้ ด้วยความพยายามต่าง ๆ อาทิ การรวมระบบงานสนับสนุนภายในกลุ่มบริษัท จี อี แคปปิตอล (ประเทศไทย) การเข้าร่วมโครงการพัฒนาคุณภาพของกลุ่มบริษัท จี อี และการสร้างความร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายและบริษัทผู้ผลิตรถยนต์
อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการระดมทุนที่ดีทำให้บริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการอื่น บริษัทได้ประโยชน์จากการสนับสนุนของบริษัทแม่ ได้แก่ วงเงินสินเชื่อจำนวนมากเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องของบริษัทรวมถึงชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับในตลาดการเงินโลกของบริษัทแม่ โครงสร้างเงินทุนของบริษัทส่วนใหญ่ประกอบด้วยเงินกู้ยืมในรูปเงินสกุลต่างประเทศ โดยมีการบริหาร เพื่อลดความเสี่ยงทั้งจำนวน แม้ว่าจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นก็ตาม การเพิ่มทุนจำนวน 225 ล้านบาท ในเดือนกุมภาพันธ์ 2541 ทำให้การดำรงฐานส่วนทุนของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น โดยมีสัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับ 9.1 เท่า นอกจากนี้ วงเงินเพิ่มทุนที่ได้รับการอนุมัติล่วงหน้าจาก จี อี แคปปิตอล ได้ช่วยเสริมความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทให้ดียิ่งขึ้นนอกเหนือไปจากวงเงินกู้ยืมจำนวนมากที่ได้รับ รวมถึงความสามารถที่ดีในการเข้าถึงแหล่งเงินต่าง ๆ
ในส่วนของอันดับเครดิตของบริษัท เดอะอินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) (ไออีซี) ทริสระบุว่าภาระหนี้สินของบริษัททั้งหมด ณ เดือนมิถุนายน 2541 มีจำนวนทิ้งสิ้น 3,232 ล้านบาท รายได้รวมของบริษัท ณ ครึ่งแรกของปี 2541 ลดลงเหลือ 819 ล้านบาท โดยลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2540 คิดเป็น 29% ด้วยสาเหตุหลัก คือ ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ซบเซาลงและการแข่งขันสูงขึ้น เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทเมื่อสิ้นปี 2540 มีจำนวน 170 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียง 5% ของภาระหนี้สินทั้งหมด จากฐานะทางการเงินและธุรกิจของบริษัทในปัจจุบัน ทริสวิเคราะห์ว่าความสามารถในการชำระคืนเงินต้นจากการกู้ยืมในระยะเวลาอันใกล้ของบริษัทน่าเป็นห่วงเป็นอย่างมาก นอกจากนี้อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อโครงสร้างส่วนทุนของบริษัท ณ ครึ่งแรกของปี 2541 มีสัดส่วนที่สูงถึง 92% เนื่องจากบริษัทหักผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดในปี 2540 ซึ่งทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงอย่างมาก อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อโครงสร้างส่วนทุนดังกล่าวเกินค่าสูงสุดของเงื่อนไขหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 1,200 ล้านบาท ที่ระบุให้บริษัทต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อโครงสร้างส่วนทุนไม่ให้เกิน 75% นอกจากนี้บริษัทยังละเมิดเงื่อนไขของเงินกู้ระยะยาวจำนวน 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกำหนดให้บริษัทต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินทั้งหมดต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในงบการเงินรวมประจำปีไม่ให้เกิน 3 ต่อ 1 ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนดังกล่าวเท่ากับ 8.6 ต่อ 1 ณ สิ้นปี 2540 อย่างไรก็ตามเงื่อนไขของหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวน 1,200 ล้านบาท ข้างต้นสามารถเลื่อนไปจนกระทั่งถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2541 ในขณะที่เจ้าหนี้เงินกู้ระยะยาว 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยังไม่ถือว่าเป็นการผิดเงื่อนไขชั่วคราว แต่กำลังรอพิจารณาแผนการทางธุรกิจในอนาคตของบริษัท ปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้และแก้ไขการละเมิดเงื่อนไขข้างต้น
หมายเหตุ : ทริสจะประกาศ "เครดิตวาระ" เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อธุรกิจหรือการเงินของหน่วยงานที่ทริสเคยจัดอันดับเครดิตไปแล้ว หรือเมื่อหน่วยงานดังกล่าวออกตราสารหนี้ใหม่ หรือเมื่อมีการยกเลิกอันดับเครดิตเดิม โดยทริสจะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมจากที่เคยประกาศใน "ข่าวเครดิต" แล้ว--จบ--
บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศเครดิตวาระ 2 เรื่องคือ ผลอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท จี อี แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) และผลอันดับเครดิตหุ้นกู้แปลงสภาพไม่มีประกันมูลค่า 1,200 ล้านบาท ของบริษัทเดอะอินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) (ไออีซี) โดยอันดับเครดิตของ จี อี แคปปิตอล ออโต้ ลีส ยืนยันในระดับเดิมคือ A- ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนที่ดีทั้งด้านการดำเนินการ และด้านการเงินจาก บริษัทเจเนรัล อีเลคทริค แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น (จีอีซีซี) ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ให้บริการทางการเงินต่าง ๆ ในระดับโลกที่มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 270 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้อันดับเครดิตยังได้รับผลกระทบจากผลขาดทุนอย่างต่อเนื่องของบริษัท และคุณภาพของสินทรัพย์ที่ด้อยลง รวมทั้งความอ่อนไหวต่อสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย และอุปสงค์ของรถยนต์ที่ลดลงอย่างมาก
สำหรับอันดับเครดิตของหุ้นกู้แปลงสภาพของบริษัทเดอะอินเตอร์แนชั่นเนิล เอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) (ไออีซี) ทริสได้ลดอันดับลงเป็น "C" จากเดิมที่"B+" ซึ่งสะท้อนถึงฐานะการเงินที่เปราะบางของบริษัท โดยบริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานไม่พอที่จะชำระคืนเงินต้นจากการกู้ยืมภายในเวลาอันใกล้และมีอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อโครงสร้างส่วนทุนที่สูง ทำให้บริษัทละเมิดเงื่อนไขของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ระบุให้ต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไม่ให้เกิน 3 ต่อ 1 นอกจากนี้อันดับเครดิตยังแสดงถึงรายได้รวมของบริษัทที่ลดลง เพราะผลจากรายได้การขายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่
ทริสวิเคราะห์ว่า บริษัท จี อี แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเดิมชื่อ บริษัท จี เอส แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยังคงดำเนินบทบาทการให้บริการทางการเงินสำหรับตลาดรถยนต์เพื่อสนับสนุนการขยายสถานภาพทางธุรกิจของ จี อี แคปปิตอลที่กำลังดำเนินการอยู่ในตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการให้บริการทางการเงินเพื่อการอุปโภคและบริโภค ภาวะประกอบการที่ยากลำบากของตลาดการให้บริการทางการเงินแก่ตลาดรถยนต์ ส่งผลให้ผลการดำเนินการของบริษัทอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งแรกของปี 2541 โดยสินเชื่อเช่าซื้อค้างชำระเพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วยสัดส่วน 6.5% ของสินเชื่อรวม การตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวนมาก และการขาดทุนจากการจำหน่ายรถยนต์ที่ยืดคืนมาตลอดจนค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมที่สูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการขาดทุนจากงบการเงินที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ จำนวน 80 ล้านบาท บริษัทคาดว่าการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน น่าจะช่วยให้ผ่านพ้นภาวะประกอบการที่ยากลำบาก ซึ่งคาดว่าจะต่อเนื่องในระยะ 2-3 ปี ข้างหน้าได้ ด้วยความพยายามต่าง ๆ อาทิ การรวมระบบงานสนับสนุนภายในกลุ่มบริษัท จี อี แคปปิตอล (ประเทศไทย) การเข้าร่วมโครงการพัฒนาคุณภาพของกลุ่มบริษัท จี อี และการสร้างความร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายและบริษัทผู้ผลิตรถยนต์
อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการระดมทุนที่ดีทำให้บริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการอื่น บริษัทได้ประโยชน์จากการสนับสนุนของบริษัทแม่ ได้แก่ วงเงินสินเชื่อจำนวนมากเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องของบริษัทรวมถึงชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับในตลาดการเงินโลกของบริษัทแม่ โครงสร้างเงินทุนของบริษัทส่วนใหญ่ประกอบด้วยเงินกู้ยืมในรูปเงินสกุลต่างประเทศ โดยมีการบริหาร เพื่อลดความเสี่ยงทั้งจำนวน แม้ว่าจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นก็ตาม การเพิ่มทุนจำนวน 225 ล้านบาท ในเดือนกุมภาพันธ์ 2541 ทำให้การดำรงฐานส่วนทุนของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น โดยมีสัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับ 9.1 เท่า นอกจากนี้ วงเงินเพิ่มทุนที่ได้รับการอนุมัติล่วงหน้าจาก จี อี แคปปิตอล ได้ช่วยเสริมความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทให้ดียิ่งขึ้นนอกเหนือไปจากวงเงินกู้ยืมจำนวนมากที่ได้รับ รวมถึงความสามารถที่ดีในการเข้าถึงแหล่งเงินต่าง ๆ
ในส่วนของอันดับเครดิตของบริษัท เดอะอินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) (ไออีซี) ทริสระบุว่าภาระหนี้สินของบริษัททั้งหมด ณ เดือนมิถุนายน 2541 มีจำนวนทิ้งสิ้น 3,232 ล้านบาท รายได้รวมของบริษัท ณ ครึ่งแรกของปี 2541 ลดลงเหลือ 819 ล้านบาท โดยลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2540 คิดเป็น 29% ด้วยสาเหตุหลัก คือ ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ซบเซาลงและการแข่งขันสูงขึ้น เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทเมื่อสิ้นปี 2540 มีจำนวน 170 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียง 5% ของภาระหนี้สินทั้งหมด จากฐานะทางการเงินและธุรกิจของบริษัทในปัจจุบัน ทริสวิเคราะห์ว่าความสามารถในการชำระคืนเงินต้นจากการกู้ยืมในระยะเวลาอันใกล้ของบริษัทน่าเป็นห่วงเป็นอย่างมาก นอกจากนี้อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อโครงสร้างส่วนทุนของบริษัท ณ ครึ่งแรกของปี 2541 มีสัดส่วนที่สูงถึง 92% เนื่องจากบริษัทหักผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดในปี 2540 ซึ่งทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงอย่างมาก อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อโครงสร้างส่วนทุนดังกล่าวเกินค่าสูงสุดของเงื่อนไขหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 1,200 ล้านบาท ที่ระบุให้บริษัทต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อโครงสร้างส่วนทุนไม่ให้เกิน 75% นอกจากนี้บริษัทยังละเมิดเงื่อนไขของเงินกู้ระยะยาวจำนวน 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกำหนดให้บริษัทต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินทั้งหมดต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในงบการเงินรวมประจำปีไม่ให้เกิน 3 ต่อ 1 ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนดังกล่าวเท่ากับ 8.6 ต่อ 1 ณ สิ้นปี 2540 อย่างไรก็ตามเงื่อนไขของหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวน 1,200 ล้านบาท ข้างต้นสามารถเลื่อนไปจนกระทั่งถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2541 ในขณะที่เจ้าหนี้เงินกู้ระยะยาว 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยังไม่ถือว่าเป็นการผิดเงื่อนไขชั่วคราว แต่กำลังรอพิจารณาแผนการทางธุรกิจในอนาคตของบริษัท ปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้และแก้ไขการละเมิดเงื่อนไขข้างต้น
หมายเหตุ : ทริสจะประกาศ "เครดิตวาระ" เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อธุรกิจหรือการเงินของหน่วยงานที่ทริสเคยจัดอันดับเครดิตไปแล้ว หรือเมื่อหน่วยงานดังกล่าวออกตราสารหนี้ใหม่ หรือเมื่อมีการยกเลิกอันดับเครดิตเดิม โดยทริสจะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมจากที่เคยประกาศใน "ข่าวเครดิต" แล้ว--จบ--