ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารเป็น “Stable” หรือ “คงที่” จาก “Positive” หรือ “บวก” ด้วย โดยสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจและการเงินของธนาคารที่อ่อนแอลงจากความเสื่อมถอยของคุณภาพสินเชื่อ ตลอดจนความสามารถในการทำกำไรที่ลดลง รวมทั้งโอกาสของตลาดรถยนต์และตลาดเช่าซื้อรถยนต์ในประเทศไทยที่มีจำกัด
อันดับเครดิตสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในธุรกิจหลักของธนาคาร อันได้แก่ ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และธุรกิจตลาดทุน อันดับเครดิตยังได้พิจารณาถึงแหล่งรายได้ที่มีการกระจายตัวมากขึ้นและเงินกองทุนที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนจากการมีส่วนแบ่งทางการตลาดขนาดเล็ก รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่สูง และคุณภาพของสินเชื่อที่ถดถอยลง ทั้งนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยและความซบเซาของยอดขายรถยนต์ภายในประเทศยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจจำกัดการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรของธนาคาร
การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารเป็น “Stable” หรือ “คงที่” จาก “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจและสถานะทางการเงินที่อ่อนแอลงจากความเสื่อมถอยของคุณภาพสินเชื่อ ความสามารถในการทำกำไรที่ลดลง รวมทั้งโอกาสของตลาดรถยนต์และตลาดเช่าซื้อรถยนต์ในประเทศไทยที่มีจำกัด แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารจะยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรและเงินกองทุนไว้ได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
สถานะเครดิตของธนาคารอาจได้รับผลกระทบในทางลบหากความสามารถในการทำกำไรยังคงลดลงอันเป็นผลจากพอร์ตสินเชื่อที่หดตัว หรือต้นทุนด้านเครดิตเพิ่มขึ้นเนื่องจากคุณภาพสินเชื่อถดถอยลง ในทางตรงข้าม สถานะเครดิตในทางบวกสำหรับธนาคารจะเกิดขึ้นได้หากธนาคารได้ประโยชน์จากการผสานพลังร่วมในกลุ่มโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นและมีสถานะทางการเงินที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานะเครดิตในทางบวกยังไม่น่าเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันใกล้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจไทยยังคงอ่อนแอ
ธนาคารเกียรตินาคินมีสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 11 จากธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งสิ้น 17 แห่ง ณ เดือนธันวาคม 2557 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อที่ 1.8% และเงินรับฝากที่ 1.2% ทั้งนี้ ธนาคารได้รวมกิจการกับ บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) ในปี 2555 ตามแผนกลยุทธ์การเติบโต และได้ตั้งชื่อเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (กลุ่มเกียรตินาคินภัทร) การรวมกิจการในครั้งนี้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในธุรกิจตลาดทุน ทั้งนี้ แหล่งรายได้ของธนาคารมีการกระจายตัวมากขึ้น โดยมีรายได้ค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์ ค่าธรรมเนียมในธุรกิจวาณิชธนกิจ และกำไรจากการค้าหลักทรัพย์เป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากธุรกิจตลาดทุนสร้างกำไรให้แก่กลุ่มธนาคารในสัดส่วนที่มากกว่าธนาคารอื่น ดังนั้น ผลการดำเนินงานของธนาคารจึงอาจมีความอ่อนไหวต่อความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดทุนได้สูงกว่าของธนาคารอื่น
ธนาคารมีความเสี่ยงในการกระจุกตัวของสินเชื่ออันเป็นผลจากกลยุทธ์ที่เน้นในตลาดเฉพาะกลุ่ม ณ เดือนธันวาคม 2557 ธนาคารมีพอร์ตสินเชื่อขนาดใหญ่ 2 กลุ่ม ได้แก่ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (70% ของสินเชื่อรวม) และสินเชื่อโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (19%) นอกจากนี้ ธนาคารยังมีสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อจะได้ผลตอบแทนที่มากเพียงพอต่อต้นทุนทางการเงินที่อยู่ในระดับสูงด้วย ธนาคารมีความเสี่ยงด้านเครดิตในสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว (คิดเป็นสัดส่วน 45% ของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์) รวมทั้งสินเชื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และสินเชื่อการค้าในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ สินเชื่อกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตในระดับกลางถึงสูง และอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพสินเชื่อของธนาคารได้หากเศรษฐกิจทรุดตัวลง
พอร์ตสินเชื่อของธนาคารขยายตัวอย่างรวดเร็วด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 19% ในช่วงปี 2551-2556 อย่างไรก็ตาม ยอดจำหน่ายรถยนต์ปรับตัวลดลงอย่างมากในปี 2557 เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้งยอดจำหน่ายรถยนต์ในช่วงปี 2555-2556 มีอัตราการเติบโตที่สูงผิดปกติอันเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ส่งผลให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคารหดตัวลง 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ ณ เดือนธันวาคม 2557 ธนาคารมีสินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับทั้งสิ้น 185.9 พันล้านบาท ลดลง 3% จากเดือนธันวาคม 2556
คุณภาพสินเชื่อของธนาคารถดถอยลงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สินเชื่อด้อยคุณภาพคงค้างเพิ่มขึ้นจาก 4.7 พันล้านบาทในปี 2554 เป็น 10.4 พันล้านบาทในปี 2557 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นเป็น 5.6% ในปี 2557 เพิ่มขึ้นจาก 3.5% ในปี 2554 ธนาคารได้เริ่มตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญสำหรับลูกหนี้เช่าซื้อโดยใช้วิธีประมาณค่าความเสียหายเป็นกลุ่มลูกหนี้ (Collective Approach) ในปี 2556 ส่งผลให้อัตราส่วนสำรองที่มีต่อสำรองพึงกันเพิ่มขึ้นจาก 141% ในปี 2555 เป็น 187% ในปี 2556 อย่างไรก็ตาม ปริมาณสำรองส่วนเกินลดลงเนื่องจากมีสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนสำรองที่มีต่อสำรองพึงกันลดลงมาเป็น 158% ณ สิ้นปี 2557
ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารในปี 2557 ลดลงอันเป็นผลจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและการเพิ่มขึ้นของต้นทุนด้านเครดิต อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยลดลงจาก 1.84% ในปี 2556 เป็น 1.08% ในปี 2557 ธนาคารมีกำไรสุทธิสำหรับปี 2557 จำนวน 2.7 พันล้านบาท ลดลง 40% จากปีก่อน โดยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 18% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญและค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้น 43% และ 12% ตามลำดับ ทางด้านแหล่งเงินทุน ธนาคารพยายามลดต้นทุนทางการเงินโดยการขยายฐานไปยังผู้ฝากเงินรายย่อย อย่างไรก็ตาม ต้นทุนทางการเงินของธนาคารยังคงอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในระบบ
ธนาคารมีเงินกองทุนที่สูงเพียงพอต่อแผนการเติบโตและการรองรับความเสียหายที่เกินคาดการณ์จากความเสี่ยงในช่วงเศรษฐกิจขาลง ณ เดือนธันวาคม 2557 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 14.77% และมีอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 15.16% โดยยังคงสูงกว่าอัตราส่วนขั้นต่ำที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทยที่ระดับ 6.00% และ 8.50% ตามลำดับ
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html