ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ซึ่งสะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้ประกอบการเพียงรายเดียวที่มีโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบครอบคลุมพื้นที่ในเขตชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ตลอดจนลักษณะธุรกิจที่ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาแข่งขันได้ยาก และความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่อยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีรายได้ที่สม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากความต้องการเงินลงทุนที่สูงในการหาแหล่งน้ำดิบเพิ่มเติม ตลอดจนผลกระทบที่คาดเดาได้ยากจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ และความเสี่ยงจากการมีกลุ่มลูกค้าที่ไม่หลากหลาย นอกจากนี้ กฎระเบียบเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่ไม่ชัดเจนของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องยังเป็นประเด็นกังวลต่อความสามารถของบริษัทในการให้บริการที่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจและสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอของบริษัท โดยทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะขยายธุรกิจโดยการเพิ่มภาระหนี้ด้วยความระมัดระวังและมีการติดตามตรวจสอบอย่างมีวินัย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยดำรงคุณภาพเครดิตของบริษัทเอาไว้
ปัจจัยที่เป็นบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัทจะลดทอนลงในระยะ 12 เดือนข้างหน้าเนื่องจากบริษัทอยู่ในช่วงของการลงทุนที่ส่งผลให้บริษัทมีโครงสร้างเงินทุนและสภาพคล่องที่อ่อนตัวลง ปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทจะเกิดจากการที่กระแสเงินสดของบริษัทถูกกระทบจากยอดจำหน่ายน้ำดิบที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญและต้นทุนการจัดหาน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ การลงทุนที่ทำให้เกิดภาระหนี้สูงขึ้นอย่างมากจะมีผลกระทบต่อคุณภาพเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน
บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออกก่อตั้งในปี 2535 ตามมติคณะรัฐมนตรีที่มอบหมายให้ภาคเอกชนเป็นผู้รับผิดชอบการพัฒนาและดำเนินการดูแลระบบท่อส่งน้ำดิบในพื้นที่ 7 จังหวัดชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ปัจจุบันบริษัทเน้นให้บริการน้ำดิบในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทราเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ การค้า และสังคมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการน้ำประปาในเขตพื้นที่บริการอีก 10 เขต โดยมีกำลังการผลิตรวม 308,460 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน ณ เดือนมีนาคม 2558 ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทประกอบด้วย การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 40.2% บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ถือ 18.7% Norbax Inc., 13 ถือ 6.9% และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ถือ 4.6% ในปี 2557 บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายน้ำดิบคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 65% และรายได้จากธุรกิจน้ำประปาคิดเป็น 23% ของรายได้รวม
พื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทเป็นผลมาจากการที่บริษัทเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวในเขตชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกและมีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่อยู่ในระดับต่ำ นับตั้งแต่การก่อตั้ง บริษัทเช่าและดำเนินการบริหารโครงการท่อส่งน้ำดิบจำนวน 4 โครงข่ายซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง หลังจากนั้น บริษัทได้พัฒนาโครงข่ายการจ่ายน้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายในทุกพื้นที่ที่ให้บริการ แม้ว่าการประกอบกิจการไม่ต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน แต่การมีโครงข่ายที่ครอบคลุมนั้นต้องใช้เงินลงทุนสูงและต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญในการเข้าสู่ธุรกิจประเภทนี้ โครงข่ายท่อส่งน้ำของบริษัทที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างสมบูรณ์ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสูบและบริหารจัดการน้ำดิบจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อจัดสรรให้แก่ลูกค้าในทุกพื้นที่ที่ให้บริการด้วย ดังนั้น บริษัทจึงไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องของคู่แข่งทางตรงในธุรกิจน้ำดิบในอนาคตอันใกล้
ความเสี่ยงที่สำคัญประการหนึ่งของธุรกิจการให้บริการน้ำดิบคือการจัดหาแหล่งน้ำ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศมีผลต่อปริมาณน้ำฝน โดยฝนที่ตกในช่วงฤดูฝนจะเป็นการสะสมปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเพื่อใช้ตลอดปี ดังนั้น ความต้องการใช้น้ำดิบที่เพิ่มขึ้นจึงผลักดันให้บริษัทต้องหาแหล่งน้ำแห่งใหม่ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ห่างไกลจากพื้นที่ให้บริการของบริษัท ต้นทุนการสูบและส่งน้ำของบริษัทจึงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ ปริมาณน้ำที่จะนำมาใช้นั้นขึ้นอยู่กับการอนุมัติของกรมชลประทานซึ่งให้ความสำคัญกับภาคการเกษตรเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ บริษัทยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการมีลูกค้ารายใหญ่เพียงไม่กี่รายเนื่องจากยอดขายน้ำให้แก่ กปภ. และ กนอ. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นและลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทมีสัดส่วนถึงประมาณ 65%-70% ของยอดขายรวมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และ กปภ. ยังสามารถต่อรองราคาน้ำดิบกับบริษัทและได้รับการลดราคาค่าน้ำดิบ
โดยทั่วไปแล้ว ปัจจัยที่สนับสนุนความต้องการใช้น้ำดิบมาจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออกรวมทั้งความต้องการที่สูงขึ้นของกลุ่มผู้บริโภคซึ่งมีความผันแปรไปตามสภาพเศรษฐกิจ ปริมาณฝนที่หนาแน่นและการที่ลูกค้าบางรายสามารถหาแหล่งน้ำดิบได้โดยตรงส่งผลลบต่ออุปสงค์ในการใช้น้ำดิบ ในปี 2557 บริษัทมียอดขายน้ำดิบรวม 257 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน แม้ยอดซื้อน้ำดิบจากกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้น 3% แต่ยอดซื้อน้ำดิบจากกลุ่มผู้บริโภคกลับลดลง 7.5% เนื่องจาก กปภ. สามารถหาแหล่งน้ำดิบได้โดยตรง หาก กปภ. มีขีดความสามารถในการหาแหล่งน้ำดิบเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องก็จะส่งผลกระทบต่อยอดขายน้ำดิบและจำกัดโอกาสในการเติบโตของบริษัท อย่างไรก็ดี รายได้จากการขายน้ำดิบของบริษัทเพิ่มขึ้น 2.75% เป็น 2,768 ล้านบาทในปี 2557 จากผลของการปรับราคาน้ำดิบเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 2.6% เป็น 10.77 บาทต่อ ลบ.ม.
ในทางกลับกัน ธุรกิจจำหน่ายน้ำประปาของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2557 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจน้ำประปาเพิ่มขึ้น 12.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยอยู่ที่ 989 ล้านบาท อย่างไรก็ดี แม้ธุรกิจให้บริการน้ำประปาจะมีอุปสงค์เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็มีโอกาสในการขยายตัวในอนาคตในระดับต่ำเนื่องจาก กปภ. ไม่มีนโยบายเปิดประมูลสัมปทานใหม่หรือให้เอกชนดำเนินการแทน ดังนั้น โอกาสในการขยายธุรกิจน้ำประปาของบริษัทคือการหาสัมปทานกิจการประปาโดยตรงจากเทศบาลหรือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ
ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทมาจากผลการดำเนินงานที่ดีและการมีแหล่งรายได้ที่แน่นอน ในปี 2557 บริษัทมีรายได้ 4,242 ล้านบาท ซึ่งรายได้ดังกล่าวรวมรายได้ค่าก่อสร้างภายใต้สัญญาสัมปทานจำนวน 269 ล้านบาทซึ่งได้บันทึกเป็นต้นทุนการผลิตเอาไว้ด้วย หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว รายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 5.7% จากปีก่อนหน้า บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ระดับสูงกว่า 54% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งแม้จะมีภาระหนี้ที่สูงขึ้นมากจากการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการสูบส่งน้ำและการจัดหาน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการในอนาคต โดยโครงการหลัก คือ โครงการอ่างเก็บน้ำทับมาและโครงการท่อส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์มายังอ่างเก็บน้ำหนองปลาใหล ณ สิ้นปี 2557 บริษัทมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นเป็น 5,450 ล้านบาท แต่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนยังคงอยู่ในระดับดีที่ 39.02% สภาพคล่องก็ยังคงแข็งแรง อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 31.58% และมีอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย 10.18 เท่า
ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าในช่วงปี 2558-2560 บริษัทจะสามารถรักษาระดับอัตรากำไรได้ไม่ต่ำกว่า 54% และคงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ โดยจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานไม่ต่ำกว่า 1,700 ล้านบาทต่อปีเพื่อให้เพียงพอต่อภาระผูกพันทางการเงินที่มีปีละ 800-1,000 ล้านบาทในปี 2559-2560 และการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอตามนโยบายบริษัท
บริษัทมีโครงการลงทุนรวมประมาณ 2,500 ล้านบาทในปี 2558 และ 1,300 ล้านบาทในปี 2559 โดยเงินลงทุนหลัก ๆ จะใช้ในโครงการอ่างเก็บน้ำทับมาและท่อส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์มายังอ่างเก็บน้ำหนองปลาใหล เนื่องจากการลงทุนดังกล่าวจะอาศัยการก่อหนี้ ดั้งนั้นจึงคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะสูงกว่า 40% ในระยะ 3 ปีข้างหน้า โดยฐานะการเงินของบริษัทคาดว่าจะกลับมาแข็งแกร่งหลังจากที่โครงการลงทุนต่าง ๆ แล้วเสร็จสมบูรณ์
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html