ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “ธ. ทิสโก้” ที่ “A” หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ “A-” และหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ที่ "BBB+" ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 27, 2015 13:14 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 99.99% โดย บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิและหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคารที่ระดับ “A-” และ “BBB+” ตามลำดับ โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการแข่งขันที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และปริมาณเงินทุนที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกจำกัดโดยส่วนแบ่งทางการตลาดในสินเชื่อและเงินรับฝากของธนาคารซึ่งมีขนาดเล็ก รวมทั้งคุณภาพสินเชื่อที่กำลังเสื่อมถอยลง และการพึ่งพิงแหล่งเงินทุนจากลูกค้ารายใหญ่ นอกจากนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งการมีหนี้สินภาคครัวเรือนในระดับสูง และความซบเซาของยอดขายรถยนต์ภายในประเทศอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขัน รวมทั้งคุณภาพพอร์ตสินเชื่อและความสามารถในการทำกำไรของธนาคาร

อันดับเครดิต “BBB+” สำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคาร (TISCO223A) สะท้อนความเสี่ยงในการด้อยสิทธิและความเสี่ยงในการไม่ชำระหนี้ตามเงื่อนไขการรองรับผลขาดทุนเมื่อธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ตราสารดังกล่าวนี้มีคุณสมบัติที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ Basel III และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตราสารประเภทนี้มีลักษณะด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ไม่สามารถเลื่อนชำระดอกเบี้ย และไม่สามารถแปลงสภาพได้ ธนาคารสามารถไถ่ถอนตราสารคืนทั้งจำนวนก่อนวันครบกำหนดภายหลังระยะเวลา 5 ปีนับจากวันที่ออกตราสารและได้รับความเห็นชอบจาก ธปท. ผู้ถือตราสารประเภทนี้มีสิทธิด้อยกว่าผู้ฝากเงินและผู้ถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ทั้งนี้ ตราสารดังกล่าวจะถูกตัดเป็นหนี้สูญได้ในกรณีที่หน่วยงานกำกับดูแลเห็นว่าธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารจะคงสถานะทางการแข่งขันที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ไว้ได้ ตลอดจนดำรงเงินกองทุนอย่างเพียงพอ โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังอยู่บนสมมติฐานที่คุณภาพสินเชื่อของธนาคารจะไม่เสื่อมถอยลงอีก

สถานะเครดิตของธนาคารอาจได้รับผลกระทบในทางลบหากพอร์ตสินเชื่อของธนาคารหดตัวเพิ่มขึ้นและทำให้ความสามารถในการทำกำไรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือหากคุณภาพสินเชื่อลดลงจนทำให้ต้นทุนด้านเครดิตเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในทางตรงข้าม สถานะเครดิตในทางบวกยังไม่น่าเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้เนื่องจากโอกาสในธุรกิจเช่าซื้อที่มีอย่างจำกัดและเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ

กลุ่มทิสโก้มีสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 9 จากธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งสิ้น 17 แห่ง ณ สิ้นปี 2557 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อ 2.5% และเงินรับฝาก 1.9% ธนาคารทิสโก้ซึ่งเป็นธนาคารหลักของกลุ่มทิสโก้มุ่งเน้นในตลาดลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ได้แก่ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ โดยพอร์ตสินเชื่อรถยนต์มีขนาดใหญ่ที่สุดคิดเป็นสัดส่วน 63% ของสินเชื่อรวม ณ เดือนธันวาคม 2557 ความเชี่ยวชาญของคณะผู้บริหารช่วยให้ธนาคารสามารถคงสถานะทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ไว้ได้ ณ เดือนธันวาคม 2556 ธนาคารเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 จาก 16 แห่งในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 12%

พอร์ตสินเชื่อรถยนต์ของธนาคารขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงปี 2552-2556 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 20% โดยเป็นผลจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ณ เดือนธันวาคม 2557 พอร์ตสินเชื่อรถยนต์หดตัวลง 10% จากปีก่อนอันเป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมลดลงด้วยเช่นกันในปี 2557 ภายหลังการเติบโตอย่างมากในช่วงปี 2552-2556 ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2557 สินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับของธนาคารมีจำนวนทั้งสิ้น 258.6 พันล้านบาท ลดลง 8% จากปีก่อน

ธนาคารกระจายสินเชื่อไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้น แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของสินเชื่อเนื่องจากการมีลูกหนี้ขนาดใหญ่มากอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ธนาคารยังขยายสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นบนพื้นฐานของผลตอบแทนที่ปรับด้วยค่าความเสี่ยงเพื่อรักษาระดับกำไรเอาไว้ ทั้งนี้ เงินกองทุนส่วนเกินของธนาคารอาจลดลงหากสินเชื่อดังกล่าวกลายเป็นสินเชื่อที่มีปัญหา

คุณภาพสินเชื่อของธนาคารเสื่อมถอยลง โดยปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นจาก 2.2 พันล้านบาทในปี 2554 เป็น 5.9 พันล้านบาทในปี 2557 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นเป็น 2.3% ในปี 2557 จาก 1.2% ในปี 2554 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารจะเพิ่มขึ้น แต่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ธนาคารยังสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้อย่างเพียงพอ โดยมีปริมาณสำรองคิดเป็น 180% ของสำรองขั้นต่ำตามเกณฑ์ของ ธปท.

ธนาคารมีกำไรสุทธิสำหรับปี 2557 จำนวน 3.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้นทุนทางการเงินของธนาคารยังคงสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ต้นทุนด้านเครดิตของธนาคารเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อด้อยคุณภาพ ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สงสัยจะสูญในปี 2557 คิดเป็น 1.5% ของสินเชื่อเฉลี่ย ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเท่ากับ 0.96% ในปี 2557 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 0.93% ในปี 2556

ในส่วนของแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องนั้น ธนาคารพึ่งพิงแหล่งเงินทุนจากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ซึ่งอาจเกิดความผันผวนได้ง่ายกว่าเงินทุนจากกลุ่มลูกค้ารายย่อย ทั้งนี้ สภาพคล่องของธนาคารอาจอ่อนแอลงได้หากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ดังกล่าวทำการเบิกถอนเงินในคราวเดียวกัน

เงินกองทุนของธนาคารแข็งแกร่งขึ้นภายหลังการเพิ่มทุนในปี 2556 และ 2557 อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นจาก 5.5% ในปี 2555 เป็น 7.9% ในปี 2557 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนของธนาคารยังคงต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม ธนาคารคำนวณเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านเครดิตโดยวิธี Internal Rating Based Approach (IRB) ซึ่งช่วยให้การบริหารความเสี่ยงและเงินกองทุนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ธนาคารยังคงมีเงินกองทุนที่เพียงพอต่อการขยายสินเชื่อในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ณ เดือนธันวาคม 2557 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงและเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 12.55% และ 16.80% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของ ธปท. ที่ 6.00% และ 8.50%

ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (TISCOB)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TISCO205A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิ 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
TISCO20DA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิ 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
TISCO22DA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิ 1,243 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
TISCO223A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ