ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และแนวโน้ม “บ. เบอร์ลี่ ยุคเกอร์” ที่ “A+/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 12, 2015 13:12 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะการแข่งขันที่แข็งแกร่งในธุรกิจหลักของบริษัท ตลอดจนประโยชน์จากการผสานพลังในกลุ่มธุรกิจ และความหลากหลายในธุรกิจพร้อมตราสินค้าที่มีชื่อเสียง การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการกระจายสินค้าที่ครอบคลุมกว้างขวาง และโอกาสการเติบโตในประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะในภูมิภาคอินโดจีนด้วย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง เศรษฐกิจที่ซบเซาซึ่งส่งผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค ภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการก่อหนี้เพื่อการขยายกิจการ และความท้าทายที่บริษัทจะต้องเผชิญในการฟื้นฟูอัตรากำไร

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” แสดงถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถคงความแข็งแกร่งในการแข่งขันในสายธุรกิจหลักของบริษัทเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงรักษาระดับอัตราการทำกำไรและเพิ่มความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดได้

ความเสี่ยงจากการถูกปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทจะเกิดจากการที่บริษัทเปลี่ยนไปใช้นโยบายการก่อหนี้เชิงรุกหรือหากการทำกำไรของบริษัทยังคงลดลง ในขณะที่การปรับขึ้นของอันดับเครดิตจะเกิดจากการที่ธุรกิจซึ่งขยายตัวไปในต่างประเทศสร้างยอดขาย กำไร และกระแสเงินสดที่มากขึ้น

บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ มีประวัติการประกอบธุรกิจในประเทศไทยที่ยาวนานกว่า 1 ศตวรรษ ในปี 2544 บริษัท ทีซีซี โฮลดิ้ง จำกัด เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท และ ณ เดือนมีนาคม 2558 กลุ่มบริษัททีซีซีมีสัดส่วนการถือหุ้น 73.7% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท ทั้งนี้ กลุ่มบริษัททีซีซีเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของไทยที่ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท โดยมี บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่สำคัญในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและเป็นผู้สั่งซื้อสินค้าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง

บริษัทดำเนินการผลิตและให้บริการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายประเภท โดยครอบคลุมตลาดในประเทศไทย มาเลเซีย และประเทศในภูมิภาคอินโดจีน ปัจจุบันธุรกิจหลักของบริษัทแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ ซึ่งทำการผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทขวดแก้วและกระป๋องอะลูมิเนียม 2) กลุ่มสินค้าและบริการด้านอุปโภคบริโภค ซึ่งครอบคลุมทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค 3) กลุ่มสินค้าและบริการด้านสุขภาพและด้านเทคนิค ซึ่งเน้นสินค้าด้านเวชภัณฑ์ รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และสินค้าทางเทคนิค 4) ธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งประกอบด้วยร้านหนังสือเอเซีย บุ๊คส และธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ ในปี 2556 บริษัทยังได้เริ่มธุรกิจค้าปลีกโดยเปิดร้าน “Ogenki” ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าเพื่อความงามและสุขภาพ และเข้าไปลงทุนในหุ้นของ ร้าน “B’s mart” และ “M-point mart” ซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อที่ดำเนินการผ่านผู้ประกอบการอิสระในประเทศเวียดนามและลาวตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนในบริษัทกระจายสินค้าในประเทศเวียดนามซึ่งทำการกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทั้งตอนเหนือและตอนใต้ของเวียดนามด้วย

ในปี 2557 บริษัทมียอดขายทั้งสิ้น 43,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปี 2556 โดยกลุ่มธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์เป็นสายธุรกิจที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัทสูงสุดคิดเป็น 42% ของยอดขายรวม อีก 38% มาจากรายได้จากกลุ่มสินค้าและบริการด้านอุปโภคบริโภค และ 18% เป็นรายได้จากกลุ่มเวชภัณฑ์รวมกับกลุ่มสินค้าเทคนิค นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ยังเป็นธุรกิจหลักที่สร้างกำไรให้แก่บริษัทด้วย โดย 67% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มาจากกลุ่มธุรกิจนี้

สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทได้รับแรงเสริมจากความหลากหลายของธุรกิจและแหล่งรายได้ โดยบริษัทเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำภายในประเทศในธุรกิจบรรจุภัณฑ์และธุรกิจสินค้าอุปโภคและบริโภค ธุรกิจสินค้าบรรจุภัณฑ์ยังได้รับแรงหนุนจากความต้องการสินค้าจำนวนมากอย่างต่อเนื่องของบริษัทไทยเบฟเวอเรจซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 35% ของยอดขายสินค้าบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งในกลุ่มสินค้าและบริการด้านอุปโภคบริโภคของบริษัทยังได้รับแรงหนุนจากตราสินค้าชั้นนำต่าง ๆ ด้วย เช่น เซลล็อกซ์ ซิลค์ เทสโต โดโซะ นกแก้ว และตราสินค้าที่รับจ้างผลิตหลัก ๆ เช่น ซูกัส นีเวีย และเบบี้มายด์ ทั้งนี้ ความพยายามในการขยายเครือข่ายการกระจายสินค้าช่วยสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขัน อีกทั้งยังสร้างโอกาสในการให้บริการจัดจำหน่ายของบริษัทให้เข้าถึงผู้บริโภคปลายทางทั่วภูมิภาคอินโดจีนได้ด้วย

ความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทอยู่ในระดับปานกลางซึ่งได้รับแรงหนุนจากความหลากหลายของที่มาของรายได้ ตลอดจนจากการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และระดับสภาพคล่องที่เพียงพอ แต่ก็ถูกลดทอนด้วยระดับภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นและการทำกำไรที่ลดลง ยอดขายของบริษัทเติบโตในอัตราตัวเลข 2 หลักในช่วงปี 2553-2556 ถึงแม้ว่าจะได้ผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่บริษัทก็ยังเติบโตได้ 3% ในปี 2557 โดยเติบโตจากตลาดเวียดนาม คาดว่าในปี 2558 เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวไม่มากโดยได้รับแรงกดดันจากภาระหนี้ของภาคครัวเรือนที่สูง ในช่วงปี 2558-2560 สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโต 5%-7% ต่อปี โดยปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจจะมาจากสภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวและการเติบโตจากยอดขายในตลาดต่างประเทศ

ตลาดต่างประเทศทวีความสำคัญมากขึ้นโดยสร้างรายได้คิดเป็นประมาณ 23.6% ของยอดขายรวมของบริษัทในปี 2557 โดยเพิ่มขึ้นจาก 12% ในปี 2555 และ 19% ในปี 2556 รายได้จากต่างประเทศช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนในการเติบโตของบริษัทในช่วงเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว กล่าวคือ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้สร้างเครือข่ายกระจายสินค้าที่กว้างขวางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม และต่อไปบริษัทก็กำลังแสวงหาโอกาสทางธุรกิจที่จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้วย ปัจจุบันบริษัทกำลังเผชิญกับความท้าทายในการผสานพลังทางธุรกิจในกลุ่มและและเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการทำกำไร

อัตราส่วนกำไร (กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขาย) ของบริษัทลดลงจาก 12.2% ในปี 2556 มาอยู่ที่ 10.4% ในปี 2557 เนื่องจากการลดลงในการทำกำไรในธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว โดยอัตรากำไรของกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ปรับลดลงจาก 21% ในปี 2556 มาอยู่ที่ 19% ในปี 2557 และอัตรากำไรในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคลดลงจาก 7% ในปี 2556 มาอยู่ที่ 4% ในปี 2557 อันเป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรง รวมทั้งจากการขาดทุนอย่างต่อเนื่องในธุรกิจโยเกิร์ตและนมเปรี้ยว และจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวในสินค้ากลุ่มขนมขบเคี้ยว เมื่อพิจารณาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวและความพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องของบริษัทแล้วคาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 12% ในช่วงปี 2558-2560

สถานะด้านภาระหนี้สินของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง เงินกู้รวมของบริษัทยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านเนื่องจากการขยายกำลังการผลิตและเครือข่ายการจัดหน่าย อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ระดับ 48% ในปี 2556 และปี 2557 บริษัทวางแผนค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนในช่วงปี 2558-2560 โดยรวมที่ 10,000 ล้านบาทเพื่อใช้ขยายกำลังการผลิตสำหรับสินค้าบรรจุภัณฑ์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งนี้ คาดว่าภาระหนี้สินของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า หากไม่มีการซื้อกิจการใหญ่ที่ใช้เงินทุนจากการกู้ยืมก็คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะอยู่ในระดับไม่เกิน 50% สำหรับการลงทุนหรือการซื้อกิจการขนาดใหญ่นั้น บริษัทมีนโยบายใช้หนี้สินต่อทุนในสัดส่วน 1: 1 ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถรักษาโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งไว้ได้

เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4,178 ล้านบาทในปี 2557 เปรียบเทียบกับระดับ 4,613 ล้านบาทในปี 2556 บริษัทมีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งจากการมีความหลากหลายทางธุรกิจและตลาดที่ครอบคลุม สภาพคล่องของบริษัทอยู่ในระดับที่เพียงพอถึงแม้ว่าจะอ่อนตัวลงในช่วง 2 ปีที่ผ่าน โดยคาดว่าในช่วงปี 2558-2560 เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ในระดับ 5,000-6,000 ล้านบาทต่อปี และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะอยู่ในช่วง 27%-30%

บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BJC165A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ