ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (SPI) ที่ระดับ “AA” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการกระจายการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลายและความแข็งแกร่งของเครือข่ายกลุ่ม ตลอดจนนโยบายการเงินและการลงทุนที่ระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการแข่งขันที่รุนแรงที่บริษัทในกลุ่มกำลังเผชิญในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้า และอาหาร แม้ว่าบริษัทจะมีกระแสเงินสดจำนวนไม่มากนักแต่บริษัทยังมีสภาพคล่องจากเงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งช่วยสนับสนุนบางส่วนแม้ราคาหลักทรัพย์จะมีความผันผวนและไม่สามารถคาดการณ์ได้ก็ตาม
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังและการรักษาสภาพคล่องทางการเงินในระดับสูงของบริษัท ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่ากลุ่มสหพัฒน์จะยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและดำรงสถานะผู้นำในตลาดหลักได้อย่างต่อเนื่อง
บริษัทยังไม่มีโอกาสในการปรับอันดับเครดิตเพิ่มในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้านี้จากการมีกระแสเงินสดที่จำกัดจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ในทางตรงข้าม อันดับเครดิตอาจลดลงหากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจนส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของกลุ่มสหพัฒน์และทำให้รายได้จากเงินปันผลของบริษัทลดลง หรือบริษัทมีการใช้นโยบายการก่อหนี้จำนวนมาก
บริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้งก่อตั้งในปี 2515 โดยตระกูลโชควัฒนา โดย ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2558 ตระกูลโชควัฒนาถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมในบริษัทจำนวน 67.9% บริษัทเป็นบริษัทโฮลดิ้งหลักของกลุ่มสหพัฒน์ซึ่งประกอบธุรกิจสวนอุตสาหกรรมและลงทุนในบริษัทต่าง ๆ รวม 151 แห่ง รายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจสวนอุตสาหกรรมและรายได้ค่าสาธารณูปโภค อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดของบริษัทขึ้นอยู่กับเงินปันผลจากการลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ในปี 2557 บริษัทมีรายได้ทั้งหมด 4,180 ล้านบาทและมีเงินทุนจากการดำเนินงานจำนวน 758 ล้านบาท โดยบริษัทที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด
กลุ่มสหพัฒน์เป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำของประเทศไทยซึ่งทำการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายในอุตสาหกรรมอาหาร เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องสำอาง และสินค้าอุปโภคบริโภค บริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้งทำหน้าที่ให้บริการแก่บริษัทในกลุ่มในด้านการลงทุนแบบครบวงจร โดยบริษัทให้บริการสวนอุตสาหกรรม สาธารณูปโภค การลงทุนในส่วนทุน ตลอดจนให้การช่วยเหลือทางการเงินและบริการด้านอื่น ๆ กลุ่มสหพัฒน์ได้พัฒนาเครือข่ายที่แข็งแกร่งตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการผลิตและจัดจำหน่าย ตามปกติกลุ่มสหพัฒน์จะร่วมลงทุนกับพันธมิตรจัดตั้งบริษัทและมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับหุ้นส่วนจำนวนมากทั้งไทยและต่างประเทศโดยหลายบริษัทเป็นบริษัทขนาดใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าในเครือสหพัฒน์จะดำเนินการโดย บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ในปี 2557 รายได้ของกลุ่มสหพัฒน์ที่ผ่านบริษัทจัดจำหน่ายหลัก 3 รายมีมูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาทจากการขายสินค้าทั่วประเทศ โดยสินค้าของบริษัทประกอบด้วยตราสินค้าชั้นนำจำนวนมากในหลากหลายตลาด เช่น มาม่า วาโก้ เปา เอสเซ้นซ์ มิสทีน บีเอสซี ฯลฯ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งท้าทายความสามารถของกลุ่มสหพัฒน์ในการรักษาสถานะทางการตลาดและประสิทธิภาพการดำเนินงานของตนเอาไว้
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 บริษัทลงทุนในบริษัทต่าง ๆ รวม 151 แห่ง โดยมี 21 แห่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 1 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และ 1 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว โครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มสหพัฒน์ช่วยทำให้บริษัทได้ประโยชน์จากการมีแหล่งเงินปันผลที่หลากหลายซึ่งจะช่วยบรรเทาความผันผวนจากภาวะเศรษฐกิจ จากสถิติในอดีตสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทมีรายได้จากเงินปันผลในระดับที่สม่ำเสมอแม้ว่าบริษัทจะไม่มีอำนาจเต็มในการกำหนดนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทที่เกี่ยวข้องดังกล่าวก็ตาม ทั้งนี้ ในปี 2557 จำนวนประมาณกึ่งหนึ่งของบริษัทที่เกี่ยวข้องมีการจ่ายเงินปันผล ซึ่งบริษัทที่จ่ายเงินปันผลมากที่สุด 5 อันดับแรกคิดเป็นสัดส่วน 59% ของเงินปันผลทั้งหมดที่บริษัทได้รับ
สำหรับธุรกิจสวนอุตสาหกรรมนั้น บริษัทให้บริการสวนอุตสาหกรรม 3 แห่งซึ่งส่วนใหญ่ใช้รองรับธุรกิจด้านการผลิตของกลุ่ม โดยรายได้หลักของธุรกิจสวนอุตสาหกรรมมาจากรายได้ค่าสาธารณูปโภคและค่าบริการอื่น ๆ ส่วนรายได้จากการขายที่ดินมีจำนวนน้อยเนื่องจากบริษัทมีการขายที่ดินให้แก่บริษัทนอกกลุ่มน้อยมาก กระแสเงินสดจากธุรกิจสวนอุตสาหกรรมทั้งหมดใช้เป็นค่าใช้จ่ายการดำเนินงานและบริหารของบริษัท ทั้งนี้ หากมีการขายที่ดินได้ก็จะช่วยเพิ่มกำไรให้แก่บริษัทเพราะบริษัทมีต้นทุนราคาที่ดินต่ำ ในปี 2557 รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 1.6% สู่ระดับ 4,180 ล้านบาท โดยรายได้จากธุรกิจสวนอุตสาหกรรมยังคงเพิ่มขึ้น 3.1% แม้ว่ารายได้จากการขายที่ดินจะลดลงประมาณครึ่งหนึ่งจากปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของกลุ่มสหพัฒน์ โดยเฉพาะในธุรกิจเสื้อผ้าและเครื่องสำอางได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
บริษัทมีนโยบายการก่อหนี้ที่ระมัดระวัง ทั้งนี้ เงินกู้ทั้งหมดซึ่งรวมภาระการค้ำประกันให้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้องลดลงจาก 1,684 ล้านบาทในปี 2556 เป็น 1,572 ล้านบาทในปี 2557 โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวลดลงจาก 8.8% ในปี 2556 เป็น 7.5% ในปี 2557 แนวทางในการลงทุนของบริษัทจะเป็นการร่วมทุนกับหุ้นส่วนที่มีความชำนาญและใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในการบริหารโครงการ นอกจากนี้ ในแต่ละโครงการจะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทหลายแห่งในกลุ่ม ส่งผลให้การลงทุนของบริษัทในแต่ละโครงการจะไม่ใช้เงินจำนวนมาก ทั้งนี้ โดยปกติบริษัทจะมีสัดส่วนการถือหุ้นน้อยกว่า 50% ในแต่ละบริษัท
ในปี 2557 สภาพคล่องของบริษัทปรับตัวอ่อนลงแต่ยังคงแข็งแกร่ง เงินปันผลรับจะเป็นกระแสเงินสดที่ใช้สำหรับลงทุนและกิจกรรมทางการเงิน โดยเงินปันผลนั้นใกล้เคียงกับเงินทุนจากการดำเนินงาน เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทในปี 2557 ลดลงสู่ระดับ 758 ล้านบาทจากระดับ 876 ล้านบาทในปี 2556 เนื่องจากมีเงินปันผลและรายได้จากการขายที่ดินลดลง ดังนั้น อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจึงปรับลดลงจาก 52% ในปี 2556 เป็น 48.2% ในปี 2557 ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ต่อดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวลงจาก 15.3 เท่าเป็น 13.7 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน ในช่วง 12 เดือนถัดไปบริษัทจะต้องชำระหนี้จำนวน 580 ล้านบาท ทั้งนี้ ภาระหนี้จำนวน 213 ล้านบาทของบริษัทเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้น เมื่อพิจารณาถึงขนาดของเงินทุนจากการดำเนินงานแล้ว บริษัทมีการจัดการสภาพคล่องที่ดี นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถขายที่ดินเพิ่มเติมเพื่อเสริมสภาพคล่องได้อีกหากต้องการเงินทุนสำหรับการลงทุนขนาดใหญ่ ในเดือนธันวาคม 2558 บริษัทมีพื้นที่ว่างรอการขายในสวนอุตสาหกรรมทั้ง 3 แห่งจำนวน 1,475 ไร่ และมีวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 2,000 ล้านบาท ความคล่องตัวทางการเงินของบริษัทได้รับการสนับสนุนจากสภาพคล่องของการลงทุนในบริษัทต่าง ๆ เมื่อพิจารณามูลค่าตลาดของเงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 23 แห่งคิดเป็น 16,864 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2557 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อมูลค่าตลาดของเงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ระดับ 9% ในปี 2557
ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มสหพัฒน์จะปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยรายได้ของบริษัทจะสามารถเติบโตได้ในระดับ 4% ต่อปี ทั้งนี้ คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะยังคงต่ำกว่า 10% จากแผนการลงทุนประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี บริษัทไม่ได้ระบุว่ามีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ ดังนั้น สภาพคล่องของบริษัทจึงคาดว่าจะอยู่ในระดับที่สม่ำเสมอ โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมน่าจะอยู่ที่ระดับ 50% และ EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ระดับ 15 เท่า
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html