ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทของ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ในขณะเดียวกันทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB+/Stable” พร้อมทั้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทเป็นระดับ “BBB+/Stable” จากเดิม “BBB/Stable” เช่นเดียวกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ในการชำระคืนเงินกู้ยืมและเพื่อขยายธุรกิจ การปรับเพิ่มอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันสะท้อนถึงการมีสิทธิในการได้เงินต้นคืนเพิ่มขึ้น หลังจากสัดส่วนหนี้สินมีหลักประกันต่อทรัพย์สินรวมต่ำกว่าระดับเกณฑ์ที่ 20% อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงผลงานของบริษัทที่เป็นที่ยอมรับในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงบน ตลอดจนกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า และรายได้ที่เติบโตอย่างมั่นคง อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากระดับอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ลดลง ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันสูงด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันและฐานะการเงินเอาไว้ได้ในระยะปานกลาง โดยอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 15% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทไม่ควรต่ำกว่า 10% นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนยังคาดว่าจะอยู่ในช่วง 50%-60% ทั้งนี้ อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจมีการปรับลดลงหากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมาก หรือหากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงเกินกว่าระดับ 60% ในทางตรงข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจมีการปรับขึ้นหากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ประมาณ 15% และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 50% ได้อย่างต่อเนื่อง
บริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ก่อตั้งในปี 2532 โดยหลังจากที่กลุ่มตระกูลชินวัตรซื้อกิจการของบริษัทในปี 2538 บริษัทก็เริ่มดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าโดยทำการพัฒนา “อาคารชินวัตร 3” เป็นโครงการแรก ในปี 2546 บริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจโดยเน้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปีเดียวกัน โดย ณ เดือนพฤษภาคม 2558 บริษัทยังคงมีกลุ่มตระกูลชินวัตรเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 60% ของหุ้นทั้งหมด บริษัทนำเสนอสินค้าที่อยู่อาศัยที่หลากหลายซึ่งประกอบไปด้วย บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ โฮมออฟฟิศ และคอนโดมิเนียม
โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทเน้นลูกค้าที่มีรายได้ในระดับปานกลางถึงสูง ซึ่งมีราคาขายเฉลี่ยต่อหลังอยู่ที่ 7.6 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยจำนวน 34 โครงการ ด้วยมูลค่าเหลือขายประมาณ 27,100 ล้านบาท และมียอดขายรอการส่งมอบประมาณ 9,600 ล้านบาท โดยจะทยอยส่งมอบให้แก่ลูกค้าในช่วงปี 2558-2560 ในช่วงปี 2557 ถึงไตรมาสแรกของปี 2558 รายได้จากโครงการแนวราบยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 55% ของรายได้รวม ในขณะที่รายได้จากคอนโดมิเนียมคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 38% ส่วนรายได้จากค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 7% ของรายได้รวม
ในปี 2557 ยอดขายของบริษัทอยู่ที่ 8,542 ล้านบาท ลดลง 37% จากปีก่อน ยอดขายที่ลดลงเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและบริษัทเปิดขายโครงการใหม่น้อยลง ในขณะที่ยอดขายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 เท่ากับ 2,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 132% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทริสเรทติ้งคาดว่ายอดขายของบริษัทจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 8,000-11,000 ล้านบาทต่อปีได้ในช่วงปี 2558-2560
รายได้รวมของบริษัทในปี 2557 อยู่ที่ 12,601 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จาก 10,031 ล้านบาทในปี 2556 ทั้งนี้ รายได้จากโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเป็น 11,750 ล้านบาทในปี 2557 จาก 9,201 ล้านบาทในปี 2556 ในขณะที่รายได้จากค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาทต่อปี ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 2,072 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากบ้านเดี่ยวยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักในการเติบโต ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้รวมของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 11,000-14,000 ล้านบาทในช่วงปี 2558-2560 จากแผนของบริษัทที่จะเปิดขายและโอนคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า
ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 36%-37% ของรายได้ในช่วงปี 2555 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2558 อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรจากการดำเนินงานซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ลดลงเป็น 13.2% ในไตรมาสแรกของปี 2558 เมื่อเทียบกับ 16.9% ในปี 2557 และระดับสูงกว่า 20% ในช่วงก่อนปี 2555 การเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการตลาดและค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้เนื่องจากฐานรายได้ที่ต่ำในไตรมาสแรกของปี 2558 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทไม่ควรต่ำกว่าระดับ 15% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า เนื่องจากบริษัทมีแผนจะส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการ
ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจากการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 56.3% จากระดับ 54% ณ สิ้นปี 2557 เนื่องจากโครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ของบริษัทอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทในไตรมาสแรกของปี 2558 (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) อยู่ที่ 12.1% ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 12.8% ในปี 2557 การที่บริษัทใช้เงินลงทุนซื้อที่ดินและค่าก่อสร้างโครงการจากวงเงินกู้ยืมจากธนาคารและหุ้นกู้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 ภาระหนี้สินทั้งหมดเท่ากับ 15,174 ล้านบาท เป็นเงินกู้ยืมจากธนาคารคิดเป็น 63% และหุ้นกู้ 37% สัดส่วนหนี้สินมีหลักประกันต่อทรัพย์สินรวมลดลงเหลือ 15.5% จาก 26% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 บริษัทวางแผนจะรักษาระดับสัดส่วนหนี้สินมีหลักประกันต่อทรัพย์สินรวมให้ต่ำกว่า 20% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 ภาระหนี้ที่จะครบกำหนดในอีก 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 4,948 ล้านบาท โดยประมาณ 60% เป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และอีก 40% ที่เหลือเป็นหุ้นกู้ โดยบริษัทมีแผนจะชำระคืนเงินกู้ยืมจากธนาคารด้วยกระแสเงินสดที่จะได้รับจากการโอนโครงการที่ยังไม่ได้ส่งมอบ และชำระคืนหุ้นกู้ด้วยการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ นอกจากนี้ บริษัทยังมีวงเงินที่ไม่ได้เบิกใช้จากสถาบันการเงินจำนวน 3,658 ล้านบาทและมีเงินสดอีกประมาณ 599 ล้านบาทด้วย
SC16OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 BBB+ หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2562 BBB+ แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html