ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะเงินทุนที่เข้มแข็ง ตลอดจนความแข็งแกร่งของฐานรายได้ที่มาจากการดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย และความสามารถของบริษัทในการนำประสบการณ์และความรู้ของกลุ่มเคจีไอในไต้หวันซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากความผันผวนของธุรกิจหลักทรัพย์และแรงกดดันด้านอัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ภายหลังการเปิดเสรีค่านายหน้าธุรกิจหลักทรัพย์เมื่อปี 2555 ในขณะเดียวกัน ความเสี่ยงทางการตลาดจากธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของบริษัทก็มีผลกระทบต่อความเสี่ยงของบริษัทด้วยเช่นกัน
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานภาพทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และยังคงมีรายได้ที่สม่ำเสมอจากการบริหารกองทุนของ บลจ. วรรณ ได้ต่อไปแม้สภาพการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จะยังคงมีความผันผวนเป็นอย่างมากก็ตาม นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดจากการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ การลงทุนในหลักทรัพย์ และการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ ได้
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทสามารถที่จะปรับขึ้นได้หากบริษัทสามารถแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสถานภาพทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ในทางกลับกัน อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทสามารถที่จะปรับลงได้หากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทลดต่ำลง
บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) มีแหล่งรายได้จากการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายและไม่กระจุกตัวอยู่ที่เฉพาะรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มากนัก ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รายได้ค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์มีสัดส่วนต่ำกว่า 50% ของรายได้รวมของบริษัทเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่สูงกว่า 70% การขยายฐานรายได้ในส่วนที่ไม่ได้มาจากค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์ช่วยให้บริษัทมีความพร้อมมากขึ้นในการรับมือกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นหลังการเปิดเสรีค่านายหน้าธุรกิจหลักทรัพย์ กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 20%-30% ของรายได้รวมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้นมาจากธุรกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการซื้อขายตราสารหนี้ ธุรกิจการซื้อคืนภาคเอกชน การออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ ธุรกิจตราสารอนุพันธ์นอกตลาด ตลอดจนการลงทุนของบริษัทในตราสารหนี้และตราสารทุน นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้ที่สม่ำเสมอจากการบริหารจัดการกองทุนของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 99% ด้วย รายได้จากธุรกิจบริหารจัดการกองทุนซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 14% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทในปี 2557 ถือว่าเป็นแหล่งรายได้ที่มีความผันผวนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับรายได้จากแหล่งอื่น ๆ ของธุรกิจหลักทรัพย์
บริษัทจัดได้ว่าเป็นผู้นำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยมีความได้เปรียบจากการนำความรู้ทางวิศวกรรมการเงินตลอดจนประสบการณ์ของกลุ่มเคจีไอ ไต้หวันซึ่งอยู่ในตลาดการเงินที่มีการพัฒนามากกว่ามาใช้พัฒนานวัตกรรมทางการเงินใหม่ ๆ ในประเทศไทย การมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายจะช่วยให้บริษัทสามารถดึงดูดกลุ่มนักลงทุนที่มีความต้องการบริการที่แตกต่างกันเข้ามาเป็นลูกค้าของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องให้ล้ำหน้าคู่แข่งเพื่อจะมีโอกาสได้รับอัตราผลกำไรที่สูงก่อนที่จะเกิดการแข่งขันมากขึ้นในตลาด
ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทในธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารทุนในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2558 อยู่ที่ระดับ 3.99% โดยอยู่ในลำดับที่ 8 ซึ่งใกล้เคียงกับส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัททั้งปีในปี 2556 และต่ำกว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทในปี 2557 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 4.28% (ลำดับที่ 7) บริษัทมีฐานลูกค้าที่ซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตอยู่ในสัดส่วนที่สูงซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราค่านายหน้าค่อนข้างต่ำ ทำให้อัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทลดลงจากระดับ 0.15% ในปี 2554-2555 ลงมาอยู่ที่ระดับ 0.11% ในปี 2557 ทั้งนี้ มูลค่าซื้อขายจากลูกค้ารายใหญ่ 20 รายแรกอยู่ที่ระดับ 33% ในปี 2557 ลดลงจากระดับ 40% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมดของบริษัทในปี 2556 (ไม่รวมการซื้อขายในบัญชีของบริษัท) บริษัทลดการพึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่ลงซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีเพราะลูกค้ากลุ่มนี้มีอำนาจต่อรองค่อนข้างสูงในเรื่องอัตราค่าคอมมิชชั่นซึ่งจะมีผลทำให้รายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ลดลงด้วย การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทได้รับผลกระทบจากการแข่งขันน้อยลงกว่าในอดีต
การซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของบริษัททำให้บริษัทมีความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในตลาดในระดับหนึ่ง บริษัทมีเงินลงทุนทั้งในตราสารหนี้และตราสารทุนซึ่งจัดว่าเป็นผู้ประกอบการที่มีเงินลงทุนขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี กำไรจากการลงทุนส่วนใหญ่เกิดจากการขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน อาทิ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ และธุรกิจตราสารอนุพันธ์นอกตลาด การมีกลยุทธ์ในการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมด้วยการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินเหล่านี้จะมีความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในตลาดไม่สูงนัก สำหรับความเสี่ยงด้านเครดิตนั้น บริษัทมีการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์อันนำมาซึ่งความเสี่ยงด้านเครดิตอยู่ในที่ระดับ 1,800 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 คิดเป็น 3% ของการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของทั้งอุตสาหกรรมและคิดเป็นประมาณ 34% ของส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท
บริษัทมีผลกำไรสุทธิ 762 ล้านบาทในปี 2557 เทียบกับ 784 ล้านบาทในปี 2556 ผลกำไรสุทธิที่ลดลงดังกล่าวส่วนใหญ่มาจากการลดลงของรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ณ สิ้นปี 2557 ระดับความเสี่ยงทางการเงินซึ่งดูจากอัตราส่วนสินทรัพย์ที่ปรับตัวเลขแล้วต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้นเป็น 1.7 เท่า เปรียบเทียบกับ 1.3 เท่า ณ สิ้นปี 2556 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่อหนี้สินทั่วไปในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2557 อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 116% ซึ่งเป็นระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น ๆ หรือเกณฑ์ที่ทางการกำหนดไว้ที่ระดับ 7%
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html