ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร “บ. เมืองไทย ลิสซิ่ง” ที่ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 19, 2015 13:00 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจที่ยาวนานในการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกันและการมีคณะผู้บริหารที่มากประสบการณ์ การจัดอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการเติบโตที่รวดเร็วของสินเชื่อของบริษัทในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลอดจนความสามารถในการทำกำไรในระดับที่น่าประทับใจ ระดับฐานทุนที่เพียงพอ และเครือข่ายสาขาที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ตลอดจนเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทที่มีความอ่อนไหวเป็นอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจซึ่งจะกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ นอกจากนี้ ความมีเสถียรภาพในการขยายธุรกิจและการมีผลประกอบการในระดับที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่องของบริษัทยังต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ด้วยเช่นกัน

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดและมีผลประกอบการที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อเอาไว้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ด้วยเช่นกัน การปรับเพิ่มขึ้นของอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่บริษัทสามารถขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องและคงความสามารถในการทำกำไรในระดับที่น่าพอใจในขณะเดียวกันก็สามารถดำรงคุณภาพสินทรัพย์ในระดับสูงเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากคุณภาพสินทรัพย์และความสามารถในการแข่งขันของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ในปี 2535 ครอบครัวเพ็ชรอำไพ (หรือ เพชรอำไพ) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในปัจจุบันของบริษัทเมืองไทย ลิสซิ่ง ได้เริ่มธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่และรถจักรยานยนต์ใช้แล้วโดยก่อตั้ง บริษัท ดี. เอส. ลิสซิ่ง จำกัด (ซึ่งภายหลังได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด ในปี 2544) และเริ่มต้นธุรกิจด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท บริษัทได้เริ่มให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ในปี 2541 บริการสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ในปี 2546 และบริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกันในปี 2549 อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ยกเลิกธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไปในปี 2544 และในปีเดียวกันก็ได้เข้าถือครอง บริษัท เมืองไทยลิสซิ่ง อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ซึ่งมีฐานะเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวและเริ่มให้บริการธุรกิจนายหน้าประกันภัย

ทุนจดทะเบียนของบริษัทเมืองไทย ลิสซิ่ง เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อตั้ง จนกระทั่งปี 2557 บริษัทได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งการเสนอขายหุ้นแก่สาธารณชนเป็นครั้งแรกทำให้ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทเพิ่มขึ้น 545 ล้านบาทเป็น 2,120 ล้านบาท เงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นดังกล่าวทำให้บริษัทสามารถขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้นซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีรถจักรยานยนต์ใช้แล้วเป็นหลักประกัน ปัจจุบันผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทคือครอบครัวเพ็ชรอำไพ (หรือ เพชรอำไพ) โดยถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 70%

บริษัทเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ต่างจังหวัดซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จำนวนสาขาของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 343 สาขาในปี 2554 เป็น 715 สาขา ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 สินเชื่อของบริษัทก็เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน โดยเพิ่มจาก 3,945 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 7,448 ล้านบาทในปี 2557 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 23.6% ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2557 บริษัทมีสินเชื่อที่มีรถจักรยานยนต์ใช้แล้วเป็นหลักประกันคิดเป็น 79.2% ของสินเชื่อคงค้าง ตามมาด้วยสินเชื่อที่มีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถบรรทุกเป็นหลักประกัน (17.6%) และสินเชื่อที่มียานพาหนะที่ใช้ในการเกษตรเป็นหลักประกัน (2.7%) ในขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันคิดเป็น 0.5% ของสินเชื่อคงค้างทั้งหมด โดยสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 9,347 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 หรือเพิ่มขึ้น 25.5% จากเมื่อสิ้นปี 2557

อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระมากกว่า 90 วัน) ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำแม้ในช่วงที่อุตสาหกรรมโดยรวมประสบภาวะยากลำบาก ทั้งนี้ อัตราส่วนดังกล่าวของบริษัทลดลงจาก 1.6% ณ สิ้นปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศไทยประสบกับเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ มาอยู่ที่ระดับ 1% ณ สิ้นปี 2555 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2% ณ สิ้นปี 2556 ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทให้เข้มงวดยิ่งขึ้น แต่ถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำแม้จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสถานการณ์ความไม่สงบของการเมืองภายในประเทศและสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อัตราส่วนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.4% ณ สิ้นปี 2557 และลดลงอย่างต่อเนื่องสู่ระดับ 1.1% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 ทั้งนี้ คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีของบริษัทเป็นผลมาจากการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่บนพื้นฐานที่ระมัดระวังและการมีระบบการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพของบริษัท

ผลประกอบการของบริษัทเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 107 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 308 ล้านบาทในปี 2555 และเติบโตอีก 14% มาอยู่ที่ระดับ 351 ล้านบาทในปี 2556 ในปี 2557 กำไรสุทธิของบริษัทยังคงเพิ่มขึ้นอีกถึง 54.8% เป็น 544 ล้านบาท ในขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 4% ในปี 2554 เป็น 7.1% ในปี 2555 แต่ลดลงเล็กน้อยเป็น 6.5% ในปี 2556 ในปี 2557 อัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกเป็น 7.4% กำไรสุทธิสำหรับช่วงครึ่งแรกของปี 2558 เท่ากับ 365 ล้านบาท และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเท่ากับ 3.9% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี)

ผลกำไรที่มีอย่างสม่ำเสมอตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมาทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น ประกอบกับหลังจากการเสนอขายหุ้นแก่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2557 ก็ทำให้ฐานทุนของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นจาก 32.2% ณ สิ้นปี 2556 เป็น 58.2% ณ สิ้นปี 2557 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวลดลงเล็กน้อยเป็น 53.3% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 จากการขยายสินเชื่ออย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี นับว่าฐานทุนของบริษัทในขณะนี้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเพียงพอสำหรับรองรับการขยายสินเชื่อในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ระดับต่ำเพียง 0.9 เท่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558

บริษัทมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีระดับความเสี่ยงสูงและค่อนข้างอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงในทางลบของภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้น นโยบายการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดของบริษัท ตลอดจนกระบวนการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพ และฐานทุนที่แข็งแกร่งจะช่วยจำกัดและดูดซับความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายซึ่งมีความเสี่ยงสูงได้ อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วก็ทำให้บริษัทต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ความสามารถในการบริหารจัดการฐานสินเชื่อขนาดใหญ่ ตลอดจนสร้างผลประกอบการที่น่าประทับใจ และดำรงคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้อย่างมีเสถียรภาพต่อไป

บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (MTLS)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ