ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” พร้อมทั้งเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น “Positive” หรือ “บวก” จากเดิม “Stable” หรือ “คงที่” เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทที่มีพัฒนาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงผลงานในโครงการก่อสร้างอาคารสูงและมูลค่างานในมือในระดับปานกลางของบริษัท การพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงลักษณะที่ผันผวนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ความเสี่ยงจากลักษณะงานก่อสร้างที่ไม่หลากหลายและการมีลูกค้าน้อยราย รวมถึงระดับการก่อหนี้ในระดับปานกลางด้วยเช่นกัน
แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับดีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่แรงกดดันด้านต้นทุนน่าจะอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ในภาวะที่ราคาวัสดุก่อสร้างทรงตัวในระดับต่ำ นอกจากนี้ ยังคาดว่าการลงทุนในโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์จะไม่ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นเกินกว่า 40% หรืออัตราส่วนหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเกินกว่า 0.7 เท่า
อันดับเครดิตของบริษัทอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันและผลการดำเนินงานในธุรกิจก่อสร้างเอาไว้ได้ ในขณะที่ความสำเร็จในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าน่าจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้แก่บริษัท รวมถึงช่วยรักษาระดับรายได้ของบริษัทในระยะยาว
อันดับเครดิตของบริษัทอาจปรับลดลงได้หากสถานะการเงินของบริษัทด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจเกิดจากต้นทุนการก่อสร้างที่สูงกว่าคาดหรือการขยายการลงทุนที่มากเกินไป
บริษัทซินเท็ค คอนสตรัคชั่นก่อตั้งในปี 2531 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2536 บริษัทเป็นผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างที่เน้นรับงานโครงการก่อสร้างอาคารสูงในภาคเอกชน บริษัทยังดำเนินกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงทางธุรกิจไปยังธุรกิจให้เช่าเพื่อสร้างรายได้ประจำด้วย โดยในช่วงปลายปี 2556 บริษัทได้ซื้อสิทธิการเช่า Natural Ville Residence ซึ่งเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ที่ตั้งอยู่บนถนนหลังสวน โดยสิทธิการเช่าดังกล่าวมีอายุคงเหลือ 20 ปี นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์อีก 3 แห่งในจังหวัดชลบุรีและปราจีนบุรีด้วย โดย Citadines Grand Central Sriracha ซึ่งเป็นโครงการแรกได้เปิดตัวไปในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 ส่วนโครงการที่เหลืออยู่ระหว่างรอการพัฒนา อย่างไรก็ตาม รายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทซึ่งกว่า 80% มาจากโครงการคอนโดมิเนียม ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้ของบริษัทอยู่ในระดับ 5,000-7,000 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทและบริษัทอื่นๆ ที่อยู่ในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างต่างก็ได้รับผลกระทบจากลักษณะที่ผันผวนของธุรกิจ ทั้งนี้ วัฏจักรของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างได้รับผลกระทบจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นสำคัญ ซึ่งความผันผวนของความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีค่อนข้างสูงอาจจะกระทบต่อความมั่นคงของรายได้ของบริษัท
สถานะทางธุรกิจในระดับปานกลางของบริษัทสะท้อนถึงผลงานก่อสร้างโครงการอาคารสูงเพื่อที่พักอาศัยและเพื่อการพาณิชย์ในเขตกรุงเทพฯ โดยลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งมีความน่าเชื่อถือในระดับที่ยอมรับได้ บริษัทมีการพึ่งพิงโครงการคอนโดมีเนียมของลูกค้าบางรายในระดับค่อนข้างสูง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทรับรู้รายได้จากโครงการของ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นลูกค้ารายสำคัญที่สร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของรายได้ต่อปี ในขณะเดียวกัน โครงการที่รับรู้รายได้สูงสุดของบริษัทในแต่ละปีคิดเป็นสัดส่วน 10%-15% ของรายได้ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงลูกค้าดังกล่าวได้รับการชดเชยด้วยลูกค้าที่มีความน่าเชื่อถือซึ่งมีความเสี่ยงจากการชำระเงินค่าก่อสร้างในระดับที่ยอมรับได้ นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมซึ่งใช้บริการของบริษัทบ่อยๆ เอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทมีงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบมูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาทซึ่งเป็นสถิติสูงสุด โดยงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากประมาณ 7.5 พันล้านบาทในปี 2557 และ 6.2 พันล้านบาทในปี 2556 ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของมูลค่างานที่ยังไม่ได้ส่งมอบดังกล่าวซึ่งได้รับแรงหนุนจากโครงการคอนโดมิเนียมระดับกลางถึงบนจะช่วยประกันรายได้ประมาณ 80% ของประมาณการรายได้ของบริษัทในปี 2558 และ 50% ในปี 2559
บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ในปี 2556 ซึ่งสะท้อนจากการเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงของอัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) หลังจากที่บริษัทเคยประสบปัญหาค่าก่อสร้างที่สูงกว่าคาดจากผลของอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 และนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเมื่อเดือนเมษายน 2555 ทั้งนี้ อัตราส่วนกำไรของบริษัทอยู่ที่ 5.5% ในปี 2556 และ 9.3% ในปี 2557 ก่อนที่จะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10.6% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558
บริษัทมีนโยบายทางการเงินที่ค่อนข้างระมัดระวังซึ่งสะท้อนจากการก่อหนี้ในระดับปานกลางและการมีสภาพคล่องที่เพียงพอ โดยบริษัทมีการถือครองสินทรัพย์สภาพคล่อง เช่น เงินสดและหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดในระดับค่อนข้างสูง อีกทั้งยังมีการติดตามความต้องการเงินทุนหมุนเวียนของแต่ละโครงการอย่างใกล้ชิด อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ 20%-30% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 อยู่ที่ 23.5% ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมและอัตราส่วนกำไร (ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ต่อดอกเบี้ยจ่ายก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นเดียวกัน โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 74.4% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 เปรียบเทียบกับ 70.5% ในปี 2557 ในขณะที่อัตราส่วนกำไร (ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ต่อดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 18.1 เท่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 เปรียบเทียบกับ 13.8 เท่าในปี 2557
ในช่วงปี 2558-2561 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้ในระดับ 7,000-8,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งรวมรายได้ค่าเช่าจากโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ 2 โครงการที่คาดว่าจะรับรู้เข้ามาราว 150 ล้านบาทในปี 2558 และเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 300 ล้านบาทในปี 2561 หลังจากโครงการที่เหลือทั้งหมดก่อสร้างแล้วเสร็จ อัตราส่วนกำไรของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ 7%-10% ส่งผลให้เงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ระดับประมาณ 400-600 ล้านบาทต่อปี บริษัทมีแผนการลงทุนที่ระดับ 400-800 ล้านบาทต่อปีส่วนใหญ่จะใช้ลงทุนในโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่น่าจะยังอยู่ในระดับไม่เกิน 40% สภาพคล่องคาดว่าจะอ่อนแอลงในช่วงก่อสร้างโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ แต่จะปรับตัวดีขึ้นหลังจากทุกโครงการแล้วเสร็จ โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมคาดว่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 20% ในขณะที่อัตราส่วนกำไร (ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 5 เท่าในช่วง 3 ปีข้างหน้า
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html