ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับมากขึ้นในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัย ตลอดจนฐานทุนที่มีขนาดใหญ่ และการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท คือ บริษัท อเดลฟอส จำกัด (Adelfos) นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทขยายไปยังตลาดบ้านจัดสรรระดับราคาปานกลางและสูงภายหลังการซื้อกิจการของ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (GOLD) ในปลายปี 2555 และ บริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (มหาชน) (KLAND) ในปลายปี 2557 ทั้งนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจของบริษัทที่ได้รับแรงหนุนจากสัดส่วนของรายได้ค่าเช่าจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ค่อนข้างสูงจากการขยายธุรกิจและอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่ต่ำกว่าผู้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำส่วนใหญ่ นอกจากนี้ ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันสูง ตลอดจนความกังวลในการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ และระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่ดีขึ้นในแง่ของรายได้จากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ในขณะที่ยังคงความสามารถในการทำกำไรให้ดีขึ้นและรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้ต่ำกว่า 55% หรือคงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนให้ต่ำกว่า 1.2 เท่าในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในทางตรงข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ
บริษัทยูนิเวนเจอร์ก่อตั้งในปี 2523 ในฐานะผู้ผลิตสังกะสีออกไซด์ และในปี 2543 ได้เปลี่ยนไปดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักโดยลงทุนในโครงการร่วมทุนกับผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในปี 2550 Adelfos กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 51.6% ของหุ้นทั้งหมด และ ณ เดือนมีนาคม 2558 มีสัดส่วน 66.01% เจ้าของกิจการของ Adelfos คือทายาทรุ่นที่ 2 ของตระกูลสิริวัฒนภักดีซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งภายใต้กลุ่มทีซีซี
ผลิตภัณฑ์ของบริษัทขยายจากคอนโดมิเนียมซึ่งพัฒนาโดย บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (GUD) ไปสู่บ้านจัดสรรระดับราคาปานกลางในปลายปี 2555 เมื่อบริษัทซื้อกิจการของ GOLD ในสัดส่วน 50.64% ปัจจุบันบริษัทถือหุ้น GOLD ในสัดส่วน 55.73% เมื่อเดือนธันวาคม 2557 GOLD ได้ซื้อหุ้นทั้งหมดของ KLAND ด้วยราคาซื้อ 3,560 ล้านบาท ภายหลังจากการซื้อกิจการของ KLAND ทำให้สินทรัพย์รวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 6,000 ล้านบาท และยังทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทขยายไปสู่ตลาดบ้านจัดสรรระดับราคาสูงอีกด้วย ณ เดือนมิถุนายน 2558 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยระหว่างการพัฒนา 25 โครงการ ซึ่งประกอบด้วยคอนโดมิเนียม 8 โครงการที่พัฒนาโดย GUD และบ้านจัดสรร 17 โครงการที่พัฒนาโดย GOLD และ KLAND โครงการของบริษัทมีมูลค่าเหลือขายรวมทั้งหมด 20,000 ล้านบาท (รวมทั้งที่ก่อสร้างแล้วและยังไม่ได้ก่อสร้าง)
ภายหลังการซื้อกิจการของ GOLD และ KLAND สัดส่วนของรายได้จากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยคิดเป็นประมาณ 75% ของรายได้รวมของบริษัทในช่วงปี 2557 ถึงครึ่งแรกของปี 2558 รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าคิดเป็นประมาณ 13% และจากธุรกิจสังกะสีออกไซด์คิดเป็นประมาณ 12% ของรายได้รวม รายได้รวมของบริษัทในปี 2557 เท่ากับ 9,127 ล้านบาท เติบโต 50% จากปีก่อน โดยรายได้จากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 6,043 ล้านบาทในปี 2557 จาก 3,745 ล้านบาทในปี 2556 ส่วนอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่ามีรายได้ประมาณ 1,200 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2556-2557 รายได้รวมของบริษัทในครึ่งแรกของปี 2558 เติบโตเป็น 6,075 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 2,760 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2557 โดยรายได้จากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเป็น 4,716 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ของโครงการบ้านจัดสรรที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ณ เดือนมิถุนายน 2558 บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้มูลค่า 6,000 ล้านบาท โดย 80% ของยอดขายรอรับรู้รายได้มาจากโครงการคอนโดมิเนียม ยอดขายรอรับรู้รายได้เหล่านี้จะส่งมอบให้ลูกค้าในช่วงที่เหลือของปี 2558 ถึงปี 2560 ทั้งนี้ จากแผนการเปิดโครงการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก รายได้รวมของบริษัทในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 15,000 ล้านบาทต่อปี โดยรายได้จากโครงการบ้านจัดสรรจะมีสัดส่วนอย่างน้อย 50% ของรายได้รวมตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป
อัตรากำไรจากการดำเนินงานซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทอยู่ที่ 14% ในช่วงปี 2555-2556 และลดลงเหลือ 11% ในปี 2557 อัตรากำไรจากการดำเนินงานปรับดีขึ้นเป็น 14% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 ทั้งนี้ อัตราส่วนดังกล่าวยังต่ำกว่าผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำส่วนใหญ่ ในภาวะตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัว ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่เกินกว่า 12% เอาไว้ได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเท่ากับ 62% ณ เดือนธันวาคม 2557 และ 61% ณ เดือนมิถุนายน 2558 อัตราส่วนดังกล่าวคาดว่าจะลดลงจากระดับปัจจุบันตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไปตามแผนของบริษัทที่จะให้เช่าช่วงอาคารสำนักงาน 2 แห่ง คือ Park Ventures Ecoplex และ Sathorn Square แก่กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า (REIT) เงินที่ได้จากการให้เช่าช่วงแก่กองทรัสต์ดังกล่าวจะนำไปจ่ายคืนหนี้ประมาณ 6,500 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยลดภาระในการกู้ยืมได้ส่วนหนึ่ง ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 60% แม้ว่าบริษัทจะมีการขยายธุรกิจก็ตาม
กระแสเงินสดของบริษัทปรับตัวดีขึ้น โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 8% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) จาก 4%-5% ในช่วงปี 2556-2557 ทั้งนี้ สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทได้รับแรงหนุนจากวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้และไม่ติดเงื่อนไขในการเบิกมูลค่าประมาณ 5,400 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2558
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html