กรุงเทพ--15 พ.ย.--ทริส
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2539 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ ไม่มีประกันมูลค่า 1,000 ล้านบาท ของบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ระดับ A- ซึ่งสะท้อนคุณภาพการลงทุนที่ดี ฐานะ การตลาดที่แข็งแกร่ง ฐานะทางการเงินที่มั่นคง และผลสำเร็จที่ผ่านมาของบริษัทในกลุ่ม โดยที่คุณภาพเครดิตของบริษัทขึ้นอยู่กับการดำเนินงานของกลุ่ม รวมทั้งการจัดสรรทาง การเงินและภาวะการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอุตสาหกรรมรองเท้า และ เครื่องนุ่งห่ม
ทริสรายงานว่ากิจการที่บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ลงทุนมีความสามารถในการทำกำไรแม้บางกิจการจะขาดทุน บริษัทกระจายการลงทุนไปใน ธุรกิจต่าง ๆ ทั้งในสายธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ การลงทุนของบริษัทเป็นการลงทุนระยะ ยาวโดยมีโครงสร้างการถือหุ้นข้ามบริษัทเพื่อคงสิทธิ์ในการควบคุมกิจการ และก่อประโยชน์ ในการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ร่วมทุนต่างประเทศเสริมความแข็งแกร่ง ของบริษัททั้งในด้านการผลิต การตลาด และแหล่งเงินทุน ปัจจุบันธุรกิจหลักของบริษัท ได้แก่ ธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม รองเท้า เครื่องสำอาง สินค้าอุปโภค อาหาร ส่วนอุตสาหกรรม และการจัดจำหน่ายสินค้า กลุ่มสหพัฒน์มีความสามารถในการ แข่งขัน เนื่องจากมีระบบการจัดจำหน่ายสินค้าที่แข็งแกร่งครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ และมี สินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในตลาด สินค้าอุปโภค อาหาร เครื่องสำอาง เครื่องแต่งกาย และชุดชั้นในล้วนผลิตขึ้น เพื่อสนองความต้องการภายในประเทศ จากการที่บริษัทเผชิญกับ ปัญหาต่าง ๆ เช่น การลดภาษีนำเข้าที่กระทบต่อผลิตภัณฑ์เครื่องนุ่งห่มซึ่งเดิมเคยเป็นสินค้า หลักของกลุ่ม การขายสวนอุตสาหกรรมให้แก่บริษัทในเครือเป็นหลัก และปัญหาเสียเปรียบ ด้านต้นทุนการผลิตของสินค้า รองเท้า ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตเพื่อส่งออกนั้น บริษัทมีแนวทางแก้ไข โดยการปรับตัวไปสู่การผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น และลดต้นทุนโดยใช้ระบบการผลิต ที่มีสายการผลิตสั้นลง
บริษัทรักษาโครงสร้างทางการเงินในระดับดี อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อแหล่งเงิน ทุนอยู่ในระดับต่ำกว่า 40% ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ในปี 2538 มีเงินทุนจากการดำเนินงาน คิดเป็น 21.8% ของเงินกู้รวม อัตรากำไรก่อนภาษีต่อดอกเบี้ยจ่ายมีประมาณ 3.4 เท่า อัตราผลตอบแทนต่อเงินทุนถาวรคิดเป็น 9.6% ในเดือนมิถุนายน 2539 บริษัทมีอัตรากำไร ก่อนภาษีต่อดอกเบี้ยจ่ายคิดเป็นประมาณ 2.5 เท่า บริษัทมีเงินกู้รวมคิดเป็น 29.5% ของ แหล่งเงินทุน สามารถระดมเงินในตลาดเงินและตลาดทุน และมีกำไรจากผลการดำเนิน งานโดยรวมของกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ธุรกรรมภายในกลุ่มปรากฎให้เห็นทั้งในรายการขาย และการจัดสรรเงินโดยที่บริษัทไม่มีการแสดงงบการเงินของกลุ่ม ซึ่งสืบเนื่องมาจากการจัด โครงสร้างการถือครองหุ้น--จบ--
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2539 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ ไม่มีประกันมูลค่า 1,000 ล้านบาท ของบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ระดับ A- ซึ่งสะท้อนคุณภาพการลงทุนที่ดี ฐานะ การตลาดที่แข็งแกร่ง ฐานะทางการเงินที่มั่นคง และผลสำเร็จที่ผ่านมาของบริษัทในกลุ่ม โดยที่คุณภาพเครดิตของบริษัทขึ้นอยู่กับการดำเนินงานของกลุ่ม รวมทั้งการจัดสรรทาง การเงินและภาวะการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอุตสาหกรรมรองเท้า และ เครื่องนุ่งห่ม
ทริสรายงานว่ากิจการที่บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ลงทุนมีความสามารถในการทำกำไรแม้บางกิจการจะขาดทุน บริษัทกระจายการลงทุนไปใน ธุรกิจต่าง ๆ ทั้งในสายธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ การลงทุนของบริษัทเป็นการลงทุนระยะ ยาวโดยมีโครงสร้างการถือหุ้นข้ามบริษัทเพื่อคงสิทธิ์ในการควบคุมกิจการ และก่อประโยชน์ ในการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ร่วมทุนต่างประเทศเสริมความแข็งแกร่ง ของบริษัททั้งในด้านการผลิต การตลาด และแหล่งเงินทุน ปัจจุบันธุรกิจหลักของบริษัท ได้แก่ ธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม รองเท้า เครื่องสำอาง สินค้าอุปโภค อาหาร ส่วนอุตสาหกรรม และการจัดจำหน่ายสินค้า กลุ่มสหพัฒน์มีความสามารถในการ แข่งขัน เนื่องจากมีระบบการจัดจำหน่ายสินค้าที่แข็งแกร่งครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ และมี สินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในตลาด สินค้าอุปโภค อาหาร เครื่องสำอาง เครื่องแต่งกาย และชุดชั้นในล้วนผลิตขึ้น เพื่อสนองความต้องการภายในประเทศ จากการที่บริษัทเผชิญกับ ปัญหาต่าง ๆ เช่น การลดภาษีนำเข้าที่กระทบต่อผลิตภัณฑ์เครื่องนุ่งห่มซึ่งเดิมเคยเป็นสินค้า หลักของกลุ่ม การขายสวนอุตสาหกรรมให้แก่บริษัทในเครือเป็นหลัก และปัญหาเสียเปรียบ ด้านต้นทุนการผลิตของสินค้า รองเท้า ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตเพื่อส่งออกนั้น บริษัทมีแนวทางแก้ไข โดยการปรับตัวไปสู่การผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น และลดต้นทุนโดยใช้ระบบการผลิต ที่มีสายการผลิตสั้นลง
บริษัทรักษาโครงสร้างทางการเงินในระดับดี อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อแหล่งเงิน ทุนอยู่ในระดับต่ำกว่า 40% ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ในปี 2538 มีเงินทุนจากการดำเนินงาน คิดเป็น 21.8% ของเงินกู้รวม อัตรากำไรก่อนภาษีต่อดอกเบี้ยจ่ายมีประมาณ 3.4 เท่า อัตราผลตอบแทนต่อเงินทุนถาวรคิดเป็น 9.6% ในเดือนมิถุนายน 2539 บริษัทมีอัตรากำไร ก่อนภาษีต่อดอกเบี้ยจ่ายคิดเป็นประมาณ 2.5 เท่า บริษัทมีเงินกู้รวมคิดเป็น 29.5% ของ แหล่งเงินทุน สามารถระดมเงินในตลาดเงินและตลาดทุน และมีกำไรจากผลการดำเนิน งานโดยรวมของกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ธุรกรรมภายในกลุ่มปรากฎให้เห็นทั้งในรายการขาย และการจัดสรรเงินโดยที่บริษัทไม่มีการแสดงงบการเงินของกลุ่ม ซึ่งสืบเนื่องมาจากการจัด โครงสร้างการถือครองหุ้น--จบ--