ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาทของ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทที่ระดับ “A” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” เงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ชุดนี้จะนำไปชำระหนี้ระยะสั้นของบริษัท โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงประสบการณ์ที่ยาวนานในธุรกิจอ้อยและน้ำตาลทราย ตลอดจนการขยายกิจการไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจน้ำตาล การพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงความเสี่ยงจากสถานการณ์ราคาน้ำตาลที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจอ้อยและน้ำตาลในประเทศลาวและกัมพูชา ตลอดจนความผันผวนของปริมาณผลผลิตอ้อยด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่ากลุ่มน้ำตาลขอนแก่นจะยังคงดำรงสถานะการเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของไทยเอาไว้ได้ โดยระบบแบ่งปันผลประโยชน์ในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ตลอดจนความต้องการที่แข็งแกร่งในธุรกิจเอทานอล และรายได้ที่มั่นคงจากธุรกิจไฟฟ้าจะช่วยรองรับการดำเนินงานในช่วงวงจรขาลงของธุรกิจน้ำตาลได้บางส่วน
ปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัทมีค่อนข้างจำกัดในภาวะที่ราคาน้ำตาลยังอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตสามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ราคาน้ำตาลตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องจนส่งผลให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทลดลงจากระดับเดิมเป็นระยะเวลานาน นอกจากนี้ การลงทุนที่ใช้เงินกู้จำนวนมากและกระแสเงินสดที่รองรับการชำระหนี้ที่ลดลงต่อเนื่องก็เป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน
บริษัทน้ำตาลขอนแก่นเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ในประเทศไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2488 โดยตระกูลชินธรรมมิตร์และคณะ ณ เดือนเมษายน 2558 ตระกูลชินธรรมมิตร์ถือหุ้นในบริษัทในสัดส่วนรวม 70.3% ของหุ้นทั้งหมด บริษัทเป็นเจ้าของและบริหารโรงงานน้ำตาล 5 แห่งในประเทศไทยโดยมีกำลังการหีบอ้อยรวม ณ เดือนพฤษภาคม 2558 เท่ากับ 110,000 ตันอ้อยต่อวัน ทั้งนี้ กลุ่มน้ำตาลขอนแก่นสามารถหีบอ้อยได้ 8.8 ล้านตันอ้อยในปีการผลิต 2557/2558 และผลิตน้ำตาลได้ 914,458 ตัน ซึ่งจัดเป็นกลุ่มผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 4 ของประเทศไทย มีส่วนแบ่งทางการตลาด 8.3% ในปีการผลิต 2557/2558 รองจากกลุ่มมิตรผลซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาด 19.5% กลุ่มไทยรุ่งเรือง 14.3% และกลุ่มไทยเอกลักษณ์ 9.2%
ตั้งแต่ปีการเงิน 2549 บริษัทได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจน้ำตาลเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากอ้อย ได้แก่ ธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าและเอทานอล ในช่วงปีการเงิน 2556-2557 รายได้จากธุรกิจพลังงาน (ไฟฟ้าและเอทานอล) คิดเป็นสัดส่วน 18% ของรายได้รวมของบริษัท
นอกเหนือจากธุรกิจผลิตน้ำตาลในประเทศไทยแล้ว กลุ่มน้ำตาลขอนแก่นยังดำเนินธุรกิจโรงงานน้ำตาลในประเทศลาวและกัมพูชาด้วย โดยโรงงานน้ำตาลในประเทศดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในปีการเงิน 2553 บริษัทลงทุนในประเทศลาวและกัมพูชารวมประมาณ 5,200 ล้านบาท ปัจจุบันผลผลิตน้ำตาลในประเทศลาวและกัมพูชามีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับธุรกิจน้ำตาลในประเทศไทย โดยตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจ ผลผลิตอ้อยในประเทศลาวดีขึ้นตามลำดับ ในขณะที่ผลผลิตอ้อยในประเทศกัมพูชายังคงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้น ผลผลิตน้ำตาลในทั้ง 2 ประเทศในปีการผลิต 2557/2558 จึงมีเพียง 35,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 5% ของผลผลิตน้ำตาลในประเทศไทย นอกจากนี้ การดำเนินงานของบริษัทในประเทศลาวและกัมพูชายังลดลงในปีการเงิน 2558 จากการลดลงของราคาน้ำตาล บริษัทในประเทศลาวและกัมพูชาจึงยังคงมีผลการดำเนินงานขาดทุนโดยขาดทุนจำนวน 204 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2558
ในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2558 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 4% เป็น 12,728 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีการเงิน 2557 สาเหตุหลักมาจากปริมาณขายน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น 16% ในขณะที่ราคาขายเฉลี่ยน้ำตาลลดลง 9% อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2558 ลดลงเป็น 20.3% จาก 24.1% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2557 สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำตาลที่ลดลง ประกอบกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยที่ลดลงอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง อัตรากำไรจากธุรกิจเอทานอลและไฟฟ้าลดลงเนื่องจากอัตราค่าไฟฟ้าที่ลดลงและการซ่อมฉุกเฉินโรงงานเอทานอล อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรของธุรกิจไฟฟ้าและเอทานอลยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจที่ 40% และ 24% ตามลำดับ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2558 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2558 ลดลงเล็กน้อยเป็น 3,003 ล้านบาท จาก 3,158 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีการเงิน 2557 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2558 ยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจที่ 4.8 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับ 5.1 เท่าในช่วงเดียวกันของปีการเงิน 2557
อัตราการก่อหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับค่อนข้างสูง เนื่องจากผลของฤดูกาล โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ระดับ 62.4% อัตราการก่อหนี้ของบริษัทคาดว่าจะลดลงตอนสิ้นปีการเงิน 2558 หลังการทยอยส่งมอบน้ำตาลตามสัญญา อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัททรงตัวที่10.9% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2558 เมื่อเทียบกับระดับ 10.3% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ในช่วงเดียวกันของปีการเงิน 2557 บริษัทวางงบลงทุนปีละ 1,000 ล้านบาท ในช่วงปีการเงิน 2558-2560 ลดลงจาก 3,000-6,000 ล้านบาทต่อปีในปีการเงิน 2556-2557 เนื่องจากบริษัทไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ เมื่อพิจารณาจากประมาณการกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายรวมของบริษัทที่ประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปีและแผนการลงทุนของบริษัทแล้ว คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ กระแสเงินสดส่วนเกินที่รองรับการชำระหนี้ของบริษัทจะอยู่ในระดับต่ำในปีการเงิน 2558 เนื่องจากราคาน้ำตาลยังคงอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม คาดว่ากระแสเงินสดส่วนเกินที่รองรับการชำระหนี้ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าตามการฟื้นตัวของราคาน้ำตาลและการลดลงของระดับหนี้
อันดับเครดิตองค์กร: A อันดับเครดิตตราสารหนี้: KSL15DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A KSL174A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A KSL198A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A KSL199A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2561 A แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html