ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. อินโดรามา เวนเจอร์ส” ที่ “A+” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน ที่ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 19, 2015 13:50 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนของบริษัทที่ระดับ “A-” โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนซึ่งมีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทอยู่ 2 ขั้นสะท้อนถึงลักษณะการด้อยสิทธิและความเสี่ยงที่ผู้ถือตราสารอาจถูกเลื่อนนัดการชำระดอกเบี้ยของตราสารดังกล่าวได้

อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของบริษัทอินโดรามา เวนเจอร์ส สะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในการเป็นผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกในธุรกิจห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์ ตลอดจนความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิต การผลิตที่มีประสิทธิภาพจากการมีระบบการผลิตที่ครบวงจร (Vertical Integration) และการมีฐานลูกค้าที่กระจายตัวทั่วโลก ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความสามารถและประสบการณ์ของคณะผู้บริหารรวมทั้งการเข้าถึงเทคโนโลยีสำคัญของอุตสาหกรรมด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดจากลักษณะที่ผันผวนของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ตลอดจนอุปทานส่วนเกินจากกำลังการผลิตใหม่ของกรดเทอเรฟธาลลิกบริสุทธิ์ (Purified Terephthalic Acid – PTA) ในเอเซียและความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกซึ่งส่งผลต่ออัตรากำไรของบริษัท ในขณะที่แผนการลงทุนของบริษัทซึ่งส่วนใหญ่ใช้เงินทุนจากการกู้ยืมได้ลดทอนฐานะการเงินของบริษัท

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงสมมติฐานของทริสเรทติ้งว่าอัตรากำไรของอุตสาหกรรมจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นจากระดับปัจจุบัน นอกจากนี้ บริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ รวมถึงรักษาสภาพคล่องที่เพียงพอเพื่อรองรับความผันผวนที่เกิดจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลลบต่ออันดับเครดิตของบริษัท ได้แก่ ภาวะขาลงของอุตสาหกรรมที่ยังคงดำเนินต่อไปจนส่งผลให้อัตรากำไรของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่องและส่งผลให้อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทต่ำกว่า 15% อย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัท ได้แก่ การที่บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและอัตราส่วนเงินทุนต่อการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 25% อย่างต่อเนื่อง

บริษัทก่อตั้งเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2546 โดยกลุ่มตระกูลโลเฮีย (Lohia) ในฐานะเป็นบริษัทเพื่อการลงทุนและได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2553 ปัจจุบันกลุ่มตระกูลโลเฮียมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท 66.4% บริษัทลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์เป็นหลัก โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 บริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 8.5 ล้านตันต่อปี โดยประมาณ 49% เป็นกำลังการผลิตของโพลีเอธิลีน เทอเรฟธาลเลท (Polyethylene Terephthalate – PET) 27% เป็น PTA 18% เป็นกำลังการผลิตเทียบเท่าเส้นใยโพลีเอสเตอร์ และอีก 6% เป็นกำลังการผลิตเทียบเท่าโมโนเอธิลลีนไกลคอล (Monoethylene Glycol – MEG) ในธุรกิจห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์นั้น PTA และ MEG ใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในกระบวนการผลิต PET และเส้นใยโพลีเอสเตอร์

ณ เดือนมิถุนายน 2558 บริษัทมีฐานการผลิตกระจายอยู่ใน 19 ประเทศ ครอบคลุม 4 ทวีป ได้แก่ เอเซีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และอาฟริกา โดยรูปแบบธุรกิจของบริษัทเป็นการผลิตแบบครบวงจร และมีฐานการผลิตที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก ซึ่งรูปแบบธุรกิจนี้น่าจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรและความสามารถในการแข่งขันตลอดจนบรรเทาความเสี่ยงจากความผันผวนของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและการกีดกันทางการค้าได้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 บริษัทได้ซื้อกิจการ 4 แห่งมูลค่ารวมประมาณ 16,000 ล้านบาท ทำให้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 7.5 ล้านตันในปี 2557 เป็น 8.5 ล้านตันในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 การซื้อกิจการในครั้งนี้ประกอบด้วยการซื้อโรงงานผลิตเส้นใยชนิดพิเศษในประเทศจีน โรงงาน PET ในประเทศตุรกีและประเทศไทย รวมถึงโรงงาน PTA ในประเทศแคนาดา

ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 บริษัทมีรายได้ 114,886 ล้านบาท ลดลง 9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าโดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง แม้ว่าบริษัทจะมีปริมาณขายเพิ่มขึ้นก็ไม่สามารถชดเชยกับราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงได้ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างมากตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2557 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 5% ในปี 2556 เป็น 8.1% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 โดยส่วนหนึ่งสะท้อนอัตรากำไรของ PTA ที่ทยอยปรับตัวดีขึ้นและการมีสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Added --- HVA) ที่มากขึ้น โดยบริษัทมีการผลิต HVA เพิ่มขึ้นจาก 19% ของการผลิตรวมในปี 2556 เป็นประมาณ 22% สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 ในส่วนของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ต่อตันของการผลิตนั้นเพิ่มขึ้นจาก 79 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 2557 เป็น 96 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 โดยบริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงาน 8,942 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 ในขณะที่อัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 5.1 เท่า (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง)

ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 บริษัทมีเงินกู้รวมซึ่งปรับปรุงด้วยหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน (เงินกู้รวมปรับปรุงแล้ว) จำนวน 86,468 ล้านบาทและมีอัตราส่วนเงินกู้รวมปรับปรุงแล้วต่อโครงสร้างเงินทุนที่ 54.3% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 อย่างไรก็ตาม คาดว่าบริษัทจะมีเงินกู้รวมเพิ่มขึ้นจากแผนการซื้อกิจการ โดยประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งได้พิจารณาถึงงบประมาณการซื้อกิจการและแผนการลงทุนของบริษัทรวมประมาณ 117,000 ล้านบาท ซึ่งจะใช้จ่ายในระหว่างปี 2558-2561 โดยบริษัทมีแผนจะขยายกำลังการผลิตของโรงงานเดิมรวมถึงพัฒนากำลังการผลิต HVA ของบริษัท ซึ่งงบประมาณการซื้อกิจการนั้นรวมถึงการซื้อกิจการมูลค่าประมาณ 16,000 ล้านบาทที่เสร็จสิ้นไปในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 และการประกาศซื้อโรงแยกก๊าซอีเทน ขนาดกำลังผลิต 0.4 ล้านตันต่อปีในประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยแผนลงทุนข้างต้นจะทำให้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 8.5 ล้านตันต่อปีเป็น 11.8 ล้านตันต่อปีในปี 2561 และกำลังการผลิตในส่วนของ HVA ก็จะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 22% ของการผลิตรวมของบริษัทเป็น 24%-25% ในปี 2561 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีแผนจัดการภาระหนี้เพื่อรักษาอัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1 เท่าเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของบริษัท จากสมมติฐานการเพิ่มสัดส่วนการผลิต HVA รวมถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรรม ทริสเรทติ้งประมาณการว่าอัตรากำไร EBITDA ต่อตันของบริษัทจะมากกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โดยมีเงินทุนจากการดำเนินงานมากกว่า 20,000 ล้านบาทในปี 2559 และเพิ่มขึ้นในปีถัดไปจากอัตรากำไรและกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเงินทุนจากการดำเนินงานในระดับดังกล่าวเพียงพอสำหรับการชำระหนี้ โดยบริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดในปี 2559 จำนวน 10,000 ล้านบาทและในปี 2560-2561 จำนวน 13,000-14,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมปรับปรุงแล้วอยู่ในช่วง 15%-23% ในระยะ 3 ปีข้างหน้า

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) (IVL)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
IVL16OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 210 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+
IVL16OB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,690 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+
IVL173A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
IVL174A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
IVL174B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
IVL186A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 550 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
IVL18OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 98 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
IVL18OB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,302 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
IVL18DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 780 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
IVL193A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
IVL194A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
IVL206A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 520 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
IVL20DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 880 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
IVL21OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 37 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
IVL21OB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,163 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
IVL224A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,250.5 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
IVL224B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,649.5 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
IVL22DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,645 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
IVL236A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
IVL243A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
IVL24DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,475 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
IVL14PA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน 15,000 ล้านบาท A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ