ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นวงเงิน 5,000 ล้านบาท “บ. นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (8)” ที่ระดับ “AA-(sf)”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 30, 2015 16:40 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตเบื้องต้นที่ระดับ “AA-(sf)” ให้แก่หุ้นกู้มีประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นอายุ 5 ปี ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท (หุ้นกู้มีประกัน) ของ บริษัท นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (8) จำกัด (ผู้ออกตราสาร หรือเอสพีวี) โดยเอสพีวีจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้มีประกันในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทนี้พร้อมทั้งเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิไปใช้ซื้อสิทธิเรียกร้องในค่างวดตามสัญญากู้เงินเพื่อที่อยู่อาศัย (กองสินทรัพย์) จากบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) ซึ่งเป็นผู้เสนอโครงการ ขนาดมูลค่าของหุ้นกู้ด้อยสิทธิจะคิดเป็นประมาณ 25%-30% ของมูลค่ารวมของหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ตราสารดังกล่าวเป็นตราสารทางการเงินที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลังชุดที่ 4 ของ บตท. ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิต ทั้งนี้ หุ้นกู้มีประกันดังกล่าวได้รับการค้ำประกันอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้โดย บตท. ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง

อันดับเครดิตเบื้องต้นของหุ้นกู้มีประกันดังกล่าวสะท้อนความน่าเชื่อถือของ บตท. ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน โดย บตท. มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจประเภทสถาบันการเงินเฉพาะกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง อันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนถึงการมีหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ถือโดย บตท. ด้วย โดยหุ้นกู้ด้อยสิทธิมีสถานะที่ด้อยกว่าหุ้นกู้มีประกันและเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีประกัน นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังมีปัจจัยสนับสนุนจากเงินกู้ยืมที่ บตท. จะให้แก่เอสพีวีเพื่อเสริมสภาพคล่องและหน้าที่ในการซื้อกองสินทรัพย์คงเหลือคืนจากเอสพีวี ณ วันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะตกเป็นภาระของ บตท. ด้วย โดยอันดับเครดิตเบื้องต้นแสดงถึงการที่ผู้ถือหุ้นกู้มีประกันจะได้รับชำระคืนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ครบถ้วนตามกำหนด

เอสพีวีเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศไทยและคาดว่าจะมีการกำหนดคุณสมบัติให้เป็นไปตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ. 2540 ต่อไป ผู้ถือหุ้นของเอสพีวีประกอบด้วย บตท. ซึ่งถือหุ้น 49% บริษัท บริการดี จำกัด ซึ่งถือหุ้น 48% และบุคคลธรรมดาซึ่งถือหุ้น 3% ในช่วงแรกของโครงการ เอสพีวีจะออกหุ้นกู้มีประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทและหุ้นกู้ด้อยสิทธิในวงเงินประมาณ 25%-30% ของมูลค่ารวมของหุ้นกู้ที่ออกทั้งหมด โดยหุ้นกู้มีประกันจะเสนอขายให้แก่นักลงทุน ในขณะที่หุ้นกู้ด้อยสิทธิจะถือโดย บตท. ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้จะนำไปใช้ซื้อสิทธิเรียกร้องในค่างวดตามสัญญากู้เงินเพื่อที่อยู่อาศัยจากผู้เสนอโครงการหรือ บตท. โดยสิทธิในหลักประกัน รวมทั้งสัญญาจำนอง และกรมธรรม์ที่มาพร้อมกับสินเชื่อนั้นจะโอนให้แก่เอสพีวี ณ เวลาเริ่มต้นโครงการด้วย

จากข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2558 กองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (รวมสินเชื่อเพื่อการตกแต่ง และสินเชื่อเพื่อการค้ำประกัน) ประกอบด้วยลูกหนี้สัญญาเงินกู้จำนวน 2,189 รายที่ บตท. ซื้อมาจากผู้ขาย คือธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีมูลค่าเงินต้นคงเหลือจำนวน 6,551.95 ล้านบาทและมีมูลค่าทางบัญชี 6,774.29 ล้านบาท ในกรณีที่ลูกหนี้ไม่มีการจ่ายชำระคืนหนี้ก่อนกำหนดและไม่มีการผิดนัดชำระหนี้ เงินค่างวดที่จะได้รับจากกองสินทรัพย์จะอยู่ที่ประมาณ 43.35 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งเอสพีวีจะต้องจัดสรรเงินค่างวดดังกล่าวให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้มีประกันจำนวนประมาณ 22.5 ล้านบาทต่อเดือน โดยเงินที่จัดสรรดังกล่าวจะประกอบด้วยส่วนของเงินต้นและดอกเบี้ยของหุ้นกู้ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของกองสินทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 4.42% และอายุเฉลี่ยของลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยคงเหลืออยู่ที่ 23.28 ปี

ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้ง หากอัตราการจ่ายชำระคืนหนี้ก่อนกำหนดของกองสินเชื่ออยู่ที่ 3% ต่อปีและอัตราการผิดนัดชำระหนี้กำหนดไว้ที่ 2.5% ในปีแรกและเพิ่มขึ้น 10% ทุกปี (หรืออัตราการผิดนัดชำระหนี้อยู่ในระดับไม่เกิน 12.3% ของมูลค่ากองสินทรัพย์ในระยะ 5 ปี) กระแสเงินสดจากกองสินทรัพย์ก็จะยังคงเพียงพอที่จะใช้ชำระภาระผูกพันรวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของเอสพีวี ตลอดอายุโครงการได้ อย่างไรก็ดี ณ วันสิ้นสุดโครงการ บตท. จะต้องรับซื้อคืนสิทธิเรียกร้องคงเหลือทั้งหมดกลับไปจากเอสพีวี เพื่อให้เอสพีวีสามารถไถ่ถอนหุ้นกู้มีประกันคงเหลือได้ครบถ้วนตามกำหนด โดย ณ วันสิ้นสุดอายุหุ้นกู้มีประกัน มูลค่าเงินต้นคงเหลือของหุ้นกู้มีประกันจะอยู่ที่ประมาณ 4,400-4,500 ล้านบาท หรือประมาณ 90% ของมูลค่าเริ่มต้นหุ้นกู้มีประกันดังกล่าว ทั้งนี้ มูลค่าของหุ้นกู้มีประกันคงเหลือจะขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้มีประกัน

บตท. จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนเรียกเก็บหนี้ของโครงการนี้ด้วย โดย บตท. เคยเป็นตัวแทนเรียกเก็บหนี้ให้แก่โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ของ บตท. ที่ผ่านมา ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงเชื่อว่า บตท. จะสามารถทำหน้าที่ให้บริการเป็นตัวแทนเรียกเก็บหนี้ของโครงการนี้ได้ โดยเงินค่างวดที่ได้รับในแต่ละเดือนจะนำเข้าบัญชีของ บตท. ก่อนและจะโอนเข้าบัญชีของเอสพีวี ณ ทุกสิ้นเดือน ทั้งนี้ ความเสี่ยงที่เงินรายได้ของเอสพีวีจะปะปนกับเงินของ บตท. นั้นไม่น่าเป็นประเด็นกังวลเนื่องจาก บตท. จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการนี้ด้วย โดยตามสัญญาการให้การสนับสนุนทางการเงินระหว่าง บตท. และเอสพีวีนั้น บตท. ตกลงจะให้เงินกู้ยืมแก่เอสพีวีในกรณีที่เอสพีวีไม่มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะชำระหนี้ในแต่ละงวดตลอดอายุของหุ้นกู้ได้ นอกจากนี้ ภายใต้สัญญาโอนสิทธิเรียกร้อง บตท. ตกลงจะซื้อคืนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวโดยราคาซื้อคืนสิทธิเรียกร้องจะเป็นราคาระหว่าง (1) มูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์รวมดอกเบี้ยค้างชำระ หรือ (2) มูลค่าเงินต้นและดอกเบี้ยค้างชำระของหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิซึ่งรวมภาระผูกพันต่าง ๆ ของเอสพีวีหลังจากที่หักด้วยเงินสดคงเหลือในบัญชีสำรองของเอสพีวีแล้ว ซึ่งแล้วแต่ราคาใดจะต่ำกว่า เอสพีวีจะนำเงินที่ได้จากการขายคืนสิทธิเรียกร้องไปใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ซึ่งหากยังมีส่วนที่ขาดอยู่ บตท. ก็จะรับชำระให้ตามสัญญาค้ำประกัน

หุ้นกู้มีประกันภายใต้โครงการนี้จะมีการทยอยชำระคืนเงินต้นตลอดอายุหุ้นกู้ประมาณ 10% ดังนั้น การชำระคืนเงินต้นทั้งหมดในวันที่ครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้จะขึ้นอยู่กับความสามารถของ บตท. ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันในการที่จะซื้อคืนสิทธิเรียกร้องคงเหลือทั้งหมดกลับไป นอกจากนี้ ตลอดอายุของหุ้นกู้มีประกัน บตท. ยังตกลงที่จะให้เงินกู้ยืมแก่เอสพีวีในกรณีที่เอสพีวีขาดสภาพคล่องอีกด้วย ดังนั้น อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีประกันจึงจะเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตของผู้ค้ำประกัน

บริษัท นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (8) จำกัด (SPV-SMC (8))
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้มีประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 AA-(sf)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ