แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจการตลาดของบริษัทได้ ในขณะที่การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จะสร้างรายได้ที่ต่อเนื่องให้แก่บริษัทและจะช่วยลดความผันผวนของธุรกิจน้ำมันลงได้บางส่วน
ปัจจัยที่มีผลในเชิงบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัท ได้แก่ การที่บริษัทสามารถเพิ่มกระแสเงินสดได้อย่างมากและสม่ำเสมอจากการกระจายธุรกิจโดยที่ไม่ส่งผลกระทบทำให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ปัจจัยที่มีผลในเชิงลบต่ออันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นจากการที่โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมากจากการลงทุนขนาดใหญ่โดยการก่อหนี้เป็นหลัก หรือการที่บริษัทประสบผลขาดทุนอย่างมากจากการดำเนินงานหรือจากการลงทุน
บริษัทบางจากปิโตรเลียมก่อตั้งในปี 2528 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2536 ณ 31 สิงหาคม 2558 ผู้ถือหุ้นของบริษัทประกอบด้วยกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ในสัดส่วน 15.60% สำนักงานประกันสังคมในสัดส่วน 14.31% กระทรวงการคลัง 9.98% และนักลงทุนทั่วไปซึ่งถือหุ้นในส่วนที่เหลืออีก 60.11% บริษัทดำเนินธุรกิจการกลั่นและการตลาด โดยมีโรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ (Complex Refinery) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยมีกำลังการกลั่น 120,000 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นประมาณ 11% ของกำลังการกลั่นทั้งหมดภายในประเทศ ทั้งนี้ บริษัทยังดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมันภายใต้เครื่องหมายการค้า “บางจาก” ด้วย โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 บริษัทมีสถานีบริการน้ำมันจำนวน 1,053 แห่ง นอกจากนี้ บริษัทยังได้ดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทนด้วย โดยปัจจุบันบริษัทดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยกำลังการผลิตตามสัญญารวมทั้งสิ้น 118 เมกะวัตต์ และยังลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งมีอัตราการผลิตประมาณ 3,500 บาร์เรลต่อวัน
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตในครั้งนี้สะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดของบริษัทที่ดีขึ้นในธุรกิจน้ำมันโดยธุรกิจการตลาดของบริษัทมีผลการดำเนินการที่ดีซึ่งเห็นได้จากยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 6% ต่อปี เพิ่มจาก 3,918 ล้านลิตรในปี 2553 เป็น 5,006 ล้านลิตรในปี 2557 ส่วนในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 บริษัทมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูป 2,748 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยประมาณ 60% ของปริมาณจำหน่ายเป็นการจำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมัน "บางจาก" ในขณะที่ส่วนที่เหลือเป็นการจำหน่ายโดยตรงให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม บริษัทมีการดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดรวมถึงพัฒนาธุรกิจเสริมต่าง ๆ ในสถานีบริการน้ำมัน (Non-oil Business) พร้อมทั้งปรับปรุงภาพลักษณ์สถานีบริการน้ำมันเพื่อเพิ่มยอดจำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมันอันเป็นช่องทางจำหน่ายที่ให้อัตรากำไรสูงสุดเมื่อเทียบกับช่องทางอื่น โดยปริมาณจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปผ่านสถานีบริการของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 189 ล้านลิตรต่อเดือนในปี 2553 เป็น 251 ล้านลิตรต่อเดือนในปี 2557 และ 270 ล้านลิตรต่อเดือนในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 ทั้งนี้ ปริมาณจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้สถานะทางการตลาดของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นจนทำให้บริษัทเป็นผู้จำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการภายในประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 15% ตั้งแต่ปี 2557
นอกจากนี้ การปรับเพิ่มอันดับเครดิตในครั้งนี้ยังสะท้อนถึงสัดส่วนรายได้ของบริษัทที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งมีกำไรสูงด้วย ทั้งนี้ การขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ช่วยทำให้กำไรของบริษัทมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยโรงไฟฟ้าทั้งหมดซึ่งมีกำลังผลิตรวม 118 เมกะวัตต์ได้ดำเนินงานครบทุกแห่งแล้วตั้งแต่เดือนเมษายน 2557 โดยในปี 2557 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากธุรกิจนี้จำนวน 2,572 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนช่วยลดผลกระทบจาก EBITDA ที่ลดลงอย่างมากของโรงกลั่นน้ำมันในปี 2557 ทั้งนี้คาดว่าบริษัทจะมี EBITDA จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ประมาณ 2,700-2,900 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันและค่าการกลั่นของบริษัทได้
อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทจากผลการดำเนินการที่ดีของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและความได้เปรียบจากการบูรณาการธุรกิจการตลาดกับธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งช่วยเพิ่มอัตรากำไรโดยรวมของธุรกิจน้ำมัน เนื่องจากบริษัทจะได้รับค่าการตลาดเพิ่มเติมจากค่าการกลั่น โดยโรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ของบริษัทสามารถกลั่นน้ำมันดิบเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปชนิดกลาง (Middle Distillate) เช่น น้ำมันดีเซลและน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินในสัดส่วนที่สูง ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้ค่าการกลั่นสูง สำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันที่บริษัทกลั่นได้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 ประกอบไปด้วย น้ำมันดีเซล 52% น้ำมันเบนซิน 20% น้ำมันเตา 14% และน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบิน 11% ภายหลังจากที่โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทเสร็จสิ้นการปิดซ่อมบำรุงตามวาระเป็นเวลา 46 วันในช่วงกลางปี 2557 แล้ว อัตราการกลั่นน้ำมันดิบก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับประมาณ 100,000 บาร์เรลต่อวัน และยังคงอยู่เหนือกว่าระดับดังกล่าวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557 เป็นต้นมา โดยบริษัทมีค่าการกลั่นพื้นฐาน (Base GRM) ที่ 10.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558
อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนลงบางส่วนจากความผันผวนของราคาน้ำมัน ทั้งนี้ บริษัทและผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ต่างได้รับผลกระทบจากตลาดน้ำมันที่ผันผวนสูงในปี 2557 โดยราคาน้ำมันดิบลดลงกว่า 42% ในช่วงปี 2557 ส่งผลให้เกิดการขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันเป็นจำนวนมาก และทำให้ค่าการกลั่นรวมลดลง นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังประเมินรวมไปถึงการเติบโตของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงด้วย ความผันผวนของราคาน้ำมันและการเติบโตของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงนี้จะส่งผลกระทบต่อค่าการกลั่นรวมของบริษัท
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 บริษัทมีรายได้ลดลง 10.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอยู่ที่ 80,802 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ไม่สามารถชดเชยกับราคาน้ำมันที่ลดลงได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย เพิ่มขึ้นจาก 2.1% ในปี 2557 เป็น 9.6% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากค่าการกลั่นที่สูงขึ้นรวมถึงการที่ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มีสัดส่วนรายได้ที่มากขึ้น ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 บริษัทมีเงินกู้รวมจำนวน 33,170 ล้านบาท ในขณะที่โครงสร้างเงินทุนยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุน (ปรับปรุงแล้ว) ที่ระดับ 49% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558
ในช่วงปี 2558-2561 สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมี EBITDA อยู่ในช่วง 11,000-13,000 ล้านบาทต่อปี โดยมีปริมาณน้ำมันดิบเข้ากลั่น 100,000-110,000 บาร์เรลต่อวัน มีค่าการกลั่นพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และคาดว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายส่วนทุนและการลงทุนในระหว่างปี 2558-2561 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 41,000 ล้านบาท โดยประมาณ 36,000 ล้านบาทจะใช้สำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงกลั่น รวมทั้งขยายเครือข่ายธุรกิจการตลาดและขยายโรงงานไบโอดีเซล และเพิ่มอัตราการผลิตของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 5,000 ล้านบาทจะใช้เป็นงบประมาณสำหรับการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าและโรงงานเอทานอล รวมถึงการลงทุนในแปลง Galoc จำนวน 33% เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ด้วย ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจาก EBITDA และแผนการลงทุนแล้ว คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงที่มีการลงทุนใหม่ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนนี้จะอยู่ในระดับไม่เกิน 50% ในระยะ 3 ปีข้างหน้า
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html