ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF; อันดับเครดิต A+/Stable) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของประเทศ บริษัทซีพีเอฟ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย CPF บริษัทประกอบธุรกิจสัตว์บกครบวงจรในประเทศไทย และสร้างรายได้และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ให้แก่ CPF คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของรายได้และ EBITDA ทั้งหมดของ CPF ทั้งนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการดำเนินงานของ CPFTH ที่ใกล้ชิดและผสานเป็นหนึ่งเดียวกับ CPF รวมถึงการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ที่ CPF ให้แก่บริษัทด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงดำรงสถานะการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในการดำเนินธุรกิจสัตว์บกครบวงจรในประเทศไทยของกลุ่ม CPF โดยที่อันดับเครดิตของบริษัทจะเป็นไปตามอันดับเครดิตของ CPF ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตของ CPF จะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทเช่นกัน
บริษัทซีพีเอฟ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทย่อยที่ CPF ถือหุ้นร้อยละ 99.98% บริษัทซีพีเอฟ (ประเทศไทย) ก่อตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 โดยการรวมบริษัทย่อยของ CPF จำนวน 10 บริษัทที่ประกอบธุรกิจสัตว์บกในประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจการเลี้ยงสัตว์ และธุรกิจอาหาร บริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจสัตว์บกของประเทศ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจอาหารสัตว์ภายในประเทศประมาณ 1 ใน 3 และมีส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจไก่และสุกรประมาณ 1 ใน 4 ของปริมาณผลิตในประเทศ ธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจการเลี้ยงสัตว์ และธุรกิจอาหาร ในปี 2557 ธุรกิจการเลี้ยงสัตว์สร้างรายได้มากที่สุดโดยคิดเป็นสัดส่วน 50% ของรายได้รวม รองลงมาคือธุรกิจอาหารสัตว์ (29%) และธุรกิจอาหาร (21%) รายได้ประมาณร้อยละ 90 ของบริษัทมาจากการจำหน่ายสินค้าในประเทศ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2558 ช่องทางการจำหน่ายของบริษัทประกอบด้วยซุ้มขาย “ไก่ย่าง 5 ดาว” จำนวน 5,156 แห่ง ร้าน “ซีพี เฟรช มาร์ท” 572 สาขา และร้าน “ซีพี ฟู้ดเวิลด์” อีก 5 สาขา นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของรายได้รวมของบริษัท โดยเป็นการส่งออกทางอ้อมผ่าน บริษัท ซี.พี. เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งของ CPF
บริษัทซีพีเอฟ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของ CPF ในการดำเนินธุรกิจสัตว์บกครบวงจรในประเทศไทย ในปี 2557 บริษัทมีรายได้คิดเป็นสัดส่วน 31% ของรายได้รวมของ CPF และมี EBITDA คิดเป็นสัดส่วน 36% ของ CPF นอกจากนี้ CPF มีส่วนในการกำหนดทิศทางของบริษัทโดยการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงของ CPF มาเป็นผู้บริหารของบริษัท นอกจากนี้ CPF ยังให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทในรูปแบบของเงินกู้จากผู้ถือหุ้น โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 บริษัทมีเงินกู้จาก CPF รวมประมาณ 20,000 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานของบริษัทเป็นไปในทิศทางเดียวกับผู้ประกอบธุรกิจสัตว์บกรายอื่นในประเทศ โดย บริษัทมีผลประกอบการที่ดีในปี 2557 ซึ่งสอดคล้องกับราคาสัตว์บกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รายได้ของบริษัทเติบโตเป็น 133,817 ล้านบาทในปี 2557 หรือเพิ่มขึ้น 6.8% จากปี 2556 อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นจาก 5.2% ในปี 2556 เป็น 7.5% ในปี 2557 โดย EBITDA ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเป็นอย่างมากจากระดับ 7,414 ล้านบาทในปี 2556 เป็น 11,251 ล้านบาทในปี 2557 หลังจากนั้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 ธุรกิจสัตว์บกเข้าสู่วงจรวัฏจักรขาลง ราคาไก่และสุกรปรับตัวลดลงอย่างมากเนื่องจากภาวะอุปทานส่วนเกิน ทั้งนี้ ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยระบุว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 ราคาเฉลี่ยของไก่อยู่ที่ 35.70 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ปรับตัวลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และราคาสุกรขุนก็ปรับตัวลดลงเช่นกันโดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 อยู่ที่ 60.40 บาทต่อ กก. ปรับตัวลดลง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ราคาไก่และสุกรที่ลดลงส่งผลให้กำไรของบริษัทลดลงไปด้วย ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 รายได้ของบริษัทเท่ากับ 63,071 ล้านบาท ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายลดลงจาก 7.5% ในปี 2557 เป็น 2.2% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 ในขณะเดียวกัน EBITDA ของบริษัทก็ปรับตัวลดลงจากระดับ 6,618 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 เป็น 1,875 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2558
อัตรากำไรที่ลดลงส่งผลให้ระดับหนี้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหนี้สินรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 26,619 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2557 เป็น 31,340 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 ทั้งนี้ ประมาณ 2 ใน 3 ของหนี้สินรวมทั้งหมดของบริษัทเป็นเงินกู้จาก CPF อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 56.9% ณ สิ้นปี 2557 มาอยู่ที่ระดับ 60.7% ณ เดือนมิถุนายน 2558 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็ปรับตัวลดลงจาก 34.1% ในปี 2557 เป็น 17.1% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปีจะปรับตัวดีขึ้นจากราคาสุกรที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนอาหารสัตว์ที่ไม่ผันผวนมากนัก กอปรกับความต้องการผลิตภัณฑ์ไก่ของไทยในตลาดส่งออกที่ยังคงแข็งแกร่งจากการทยอยยกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าไก่สดแช่แข็งจากประเทศไทยของหลายประเทศ นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงยังช่วยส่งเสริมยอดขายในตลาดส่งออกให้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html