ทริสจัดเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ "สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง" ระดับ "A"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 30, 2001 10:45 —ทริส เรตติ้ง

        บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศผลอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาทของบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "A" โดยอันดับเครดิตสะท้อนบทบาทสำคัญของบริษัทที่มีต่อกลุ่มสหพัฒน์ การกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน ฝ่ายบริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ยาวนาน ความเป็นผู้นำในธุรกิจหลักของกลุ่ม อันได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องสำอาง และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตลอดจนนโยบายการลงทุนที่ระมัดระวัง ความคล่องตัวในการหาแหล่งเงินทุน และระดับของหนี้ต่อทุนที่ต่ำ โดยที่จุดแข็งดังกล่าวอาจถูกลดทอนโดยสภาวะการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรงของอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคและอาหาร ทั้งนี้ การให้อันดับเครดิตดังกล่าวได้คำนึงถึงระดับกระแสเงินสด โครงสร้างการลงทุนที่ซับซ้อน และความเสี่ยงจากการค้ำประกันเงินกู้ให้แก่บริษัทในกลุ่มด้วยแล้ว
ทริสรายงานว่า สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้งเป็นบริษัทโฮลดิ้งของบริษัทในกลุ่มสหพัฒน์ที่รับผิดชอบการริเริ่มลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ การให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่บริษัทในกลุ่ม การให้บริการสวนอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภค และด้านอื่นๆ บริษัทได้กระจายการลงทุนไปในบริษัทต่างๆ เกือบ 200 แห่ง โดยเน้นอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคและอาหารเป็นหลัก ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการประกอบการอันเนื่องมาจากการกระจุกตัวของธุรกิจและปัญหาวงจรเศรษฐกิจ นอกจากนี้ นโยบายลงทุนในแต่ละบริษัทในสัดส่วนที่ไม่มากนักเพื่อลดความเสี่ยงสะท้อนถึงนโยบายทางการเงินของฝ่ายบริหารที่ค่อนข้างระมัดระวัง
ทริสกล่าวว่าด้วยประสบการณ์ของฝ่ายบริหารในแต่ละธุรกิจหลักรวมถึงการวางนโยบายโดยรวมจากฝ่ายบริหารของบริษัทช่วยทำให้บริษัทในกลุ่มมีสถานะเป็นผู้นำในตลาดธุรกิจต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ บริษัทดำรงความได้เปรียบทางการแข่งขันได้ด้วยการมีสินค้าที่มียี่ห้อติดตลาดและความรู้ความเชี่ยวชาญในธุรกิจ อีกทั้งยังมีจุดแข็งอีกประการหนึ่งคือการดำเนินธุรกิจที่ครบวงจรตั้งแต่การผลิตวัตถุดิบ ผลิตสินค้า และจัดจำหน่ายสินค้า รวมถึงการมีผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันในระดับคุณภาพที่หลากหลาย ธุรกิจที่บริษัทเป็นผู้นำตลาดคือ ธุรกิจชุดชั้นในสตรี เครื่องสำอาง และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อย่างไรก็ตาม ทริสเห็นว่าความสามารถในการริเริ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้กลุ่มสหพัฒน์สามารถดำรงตำแหน่งผู้นำในธุรกิจที่มีการแข่งขันรุนแรงได้
ในด้านฐานะทางการเงิน บริษัทมีระดับหนี้สินที่ลดลงตามลำดับ อัตราส่วนเงินกู้ต่อแหล่งเงินทุนซึ่งรวมถึงการค้ำประกันให้แก่บริษัทในกลุ่มได้ลดลงจาก 58.39% ในปี 2540 มาอยู่ที่ 38.03% ในปี 2543 อย่างไรก็ตาม บริษัทมีเงินสดจากการดำเนินงานในระดับที่ค่อนข้างต่ำแม้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น มีระดับอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อดอกเบี้ยจ่ายน้อยกว่า 2 เท่าตั้งแต่ปี 2540 และได้เพิ่มขึ้นเป็น 4.17 เท่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2544 นอกจากนี้ บริษัทยังมีระดับเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมต่ำกว่า 5% ตั้งแต่ปี 2540 อย่างไรก็ตาม ระดับเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงครึ่งแรกของปี 2544 โดยยืนอยู่ที่ระดับ 12.01% โดยที่ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี ในขณะที่มีระดับการค้ำประกันเงินกู้ให้แก่บริษัทในกลุ่มที่ลดต่ำลงอย่างมากตั้งแต่ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 เป็นต้นมา และยืนอยู่ที่ระดับ 797 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2544 ซึ่งลดลงเกือบ 4 เท่าจากระดับ 2,673 ล้านบาทในปี 2540
ทริสกล่าวว่าในส่วนของธุรกรรมระหว่างกันของบริษัทในกลุ่มนั้น บริษัทได้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยไม่เคยมีปัญหาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม โครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัทที่ค่อนข้างซับซ้อนอาจทำให้นักลงทุนยากที่จะประเมินภาพโดยรวมของบริษัทได้ - จบ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ