ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นอายุ 3 ปีของ บริษัท นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (5) จำกัด (ผู้ออกตราสาร หรือเอสพีวี) ที่ระดับ “AA-(sf)” ซึ่งหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการค้ำประกันอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้โดยบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท. หรือ ผู้ค้ำประกัน) ทั้งนี้ อันดับเครดิตของเอสพีวีสะท้อนถึงอันดับเครดิตของ บตท. ซึ่งจัดโดยทริสเรทติ้งที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” นอกจากนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนถึงการมีหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่เอสพีวีออกให้แก่ บตท. รวมถึงเงินกู้ยืมที่ บตท. จะให้แก่เอสพีวีเพื่อเสริมสภาพคล่อง และหน้าที่ของ บตท. ในการซื้อกองสินทรัพย์ (สิทธิเรียกร้องในค่างวดของกองลูกหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย) คงเหลือคืนจากเอสพีวี ณ วันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ด้วย ดังนั้น อันดับเครดิตสะท้อนถึงการที่ผู้ถือหุ้นกู้มีการค้ำประกันจะได้รับชำระคืนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ครบถ้วนตามกำหนดเวลาด้วยเช่นกัน อนึ่ง ตราสารดังกล่าวเป็นตราสารทางการเงินที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลังชุดแรกของ บตท. ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิต
บตท. ได้รับการก่อตั้งในปี 2540 ภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2540 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1,000 ล้านบาท บตท. มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจประเภทสถาบันการเงินเฉพาะกิจสังกัดกระทรวงการคลังซึ่งมีบทบาทในการพัฒนาตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยโดยใช้วิธีการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในการระดมทุน ภายใต้ พ.ร.ก. ดังกล่าว รัฐบาลสามารถค้ำประกันตราสารหนี้ที่ออกโดย บตท. ได้ไม่เกิน 4 เท่าของเงินกองทุน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 บตท. มีเงินกองทุนอยู่ที่ 959.06 ล้านบาท ดังนั้น รัฐบาลจึงสามารถค้ำประกันหนี้ของ บตท. ได้ถึง 3,836.24 ล้านบาท โดย บตท. จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนเรียกเก็บหนี้และผู้ให้เงินกู้ยืมเพื่อเสริมสภาพคล่องของโครงการด้วย
เอสพีวี หรือผู้ออกตราสาร เป็นบริษัทจำกัดที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศไทยและได้รับอนุญาตให้มีสถานะเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจตาม พ.ร.ก. นิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผู้ถือหุ้นของผู้ออกตราสารประกอบด้วย บตท. ซึ่งถือหุ้น 49.5% บริษัท บริการดี จำกัด ซึ่งถือหุ้น 48.99% และบุคคลทั่วไปซึ่งถือหุ้น 1.51% ในระยะเริ่มต้นของโครงการ ผู้ออก
ตราสารได้ออกตราสารหนี้มูลค่า 900.07 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้มีการค้ำประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นจำนวน 660 ล้านบาทและหุ้นกู้ด้อยสิทธิจำนวน 240.07 ล้านบาท โดยหุ้นกู้มีการค้ำประกันเสนอขายให้แก่นักลงทุน ในขณะที่หุ้นกู้ด้อยสิทธิถือโดย บตท. หุ้นกู้ด้อยสิทธิมีสถานะด้อยกว่าหุ้นกู้มีการค้ำประกันและช่วยเสริมอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีการค้ำประกัน ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้จะนำไปใช้ซื้อสิทธิเรียกร้องในค่างวดของกองลูกหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (สินทรัพย์) ที่ บตท. ซื้อจากสถาบันการเงิน 6 แห่ง โดยมูลค่าเงินต้นของกองสินทรัพย์อยู่ที่ 886.25 ล้านบาท
ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 มูลค่าคงเหลือของหุ้นกู้มีการค้ำประกันอยู่ที่ 537.72 ล้านบาท ในขณะที่กองสินทรัพย์มีมูลค่าเงินต้นคงเหลือจำนวน 521.89 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนธันวาคม 2555 ถึงเดือนกันยายน 2558 ผู้ออกตราสารได้รับชำระเงินค่าผ่อนชำระรายเดือนจากลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนทั้งสิ้น 488.66 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินต้นที่ได้รับชำระคืนตามกำหนดเวลาจำนวน 157.71 ล้านบาท ดอกเบี้ยจำนวน 124.30 ล้านบาท และเงินต้นที่ได้รับคืนก่อนกำหนดจำนวน 206.65 ล้านบาท โดยจำนวนเงินต้นที่ได้รับคืนก่อนกำหนดคิดเป็นประมาณ 23.32% ของเงินต้นในระยะเริ่มต้นทั้งหมดจำนวน 886.25 ล้านบาท ในขณะที่หนี้ที่มีการผิดนัดชำระสุทธิ (หลังหักหนี้ผิดนัดชำระที่ได้รับคืน) อยู่ที่ 25.86 ล้านบาท หรือประมาณ 2.92% ของมูลค่าเงินต้นเริ่มแรกของกองสินทรัพย์
กระแสเงินสดที่ได้รับจากกองสินทรัพย์ในแต่ละเดือนจะนำไปชำระคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้มีการค้ำประกันก่อน จากนั้นจึงจะนำกระแสเงินสดที่เหลือไปชำระคืนหุ้นกู้ด้อยสิทธิในลำดับต่อไป เนื่องจากเงินต้นที่ชำระคืนก่อนกำหนดมีค่อนข้างมาก จึงส่งผลให้เงินต้นคงเหลือของหุ้นกู้ด้อยสิทธิลดลงมากกว่าที่ประมาณการไว้ โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 มูลค่าหุ้นกู้ด้อยสิทธิอยู่ที่ 24.01 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.3% ของมูลค่าหุ้นกู้รวมทั้งหมด เนื่องจากอัตราการชำระคืนหนี้เงินต้นก่อนกำหนดค่อนข้างสูง จึงทำให้สัดส่วนของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ถือโดย บตท. ลดลงเหลือเพียง 4.3% จาก 26.7% ของหุ้นกู้ทั้งหมดในระยะเริ่มต้นโครงการ
อย่างไรก็ดี ตามสัญญาให้ความสนับสนุนทางการเงินระหว่าง บตท. และ เอสพีวีนั้น บตท. ตกลงจะให้เงินกู้ยืมแก่เอสพีวีในกรณีที่เอสพีวีไม่มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะชำระหนี้ในแต่ละงวดตลอดอายุของหุ้นกู้ได้ นอกจากนี้ภายใต้สัญญาโอนสิทธิเรียกร้อง บตท. ตกลงจะซื้อคืนสิทธิเรียกร้องดังกล่าว โดยราคาซื้อคืนสิทธิเรียกร้องจะเป็นราคาระหว่าง 1) มูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์รวมดอกเบี้ยค้างชำระ หรือ 2) มูลค่าเงินต้นและดอกเบี้ยค้างชำระของหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิซึ่งรวมภาระผูกพันต่าง ๆ ของเอสพีวี หลังจากที่หักด้วยเงินสดคงเหลือในบัญชีสำรองของเอสพีวี แล้วแต่ราคาใดจะต่ำกว่า เอสพีวีจะนำเงินที่ได้รับจากการขายคืนสิทธิเรียกร้องไปใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ซึ่งหากยังมีส่วนที่ขาดอยู่ บตท. ก็จะรับชำระให้ตามสัญญาค้ำประกัน
หุ้นกู้มีการค้ำประกันภายใต้โครงการนี้จะมีการทยอยชำระคืนเงินต้นตลอดอายุหุ้นกู้ประมาณ 20% ดังนั้น การชำระคืนเงินต้นทั้งหมดในวันที่ครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้จะขึ้นอยู่กับความสามารถของ บตท. ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันในการซื้อคืนสิทธิเรียกร้องคงเหลือทั้งหมดกลับไป นอกจากนี้ บตท. ยังตกลงที่จะให้เงินกู้ยืมแก่ผู้ออกตราสารตลอดอายุของหุ้นกู้มีการค้ำประกันในกรณีที่ผู้ออกตราสารขาดสภาพคล่องอีกด้วย ดังนั้น อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีการค้ำประกันจึงจะเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตของผู้ค้ำประกัน
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html