เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2543 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศทบทวนอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ที่ระดับ "AA" ตามระบบ National Scale ซึ่งทริสนำมาใช้ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2543 โดยเครดิตสูงสุดภายในประเทศภายใต้ระบบดังกล่าวจะได้รับการจัดอันดับที่ "AAA"
ทริสกล่าวว่าอันดับเครดิตของบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและรัฐบาล ความสำคัญของธุรกรรมที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และความต้องการบริการขนส่งทางอากาศที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวของภูมิภาคเอเชียตะวันออก รวมทั้งสะท้อนความเสี่ยงจากอัตราส่วนเงินกู้ยืมของบริษัทที่สูงและคาดว่าจะสูงยิ่งขึ้นจากความต้องการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น
บริษัทมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลถือหุ้น 91% จากการที่ประเทศไทยในฐานะภาคีสมาชิกองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) มีหน้าที่รับผิดชอบให้ความปลอดภัยแก่บริการขนส่งทางอากาศ บริษัทจึงได้รับมอบหมายจากภาครัฐในการให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศและการสื่อสารการเดินอากาศของประเทศ มีเขตความรับผิดชอบครอบคลุมพื้นที่ประเทศไทยทั้งหมด พื้นที่บางส่วนของทะเลจีนใต้ และระดับความสูงที่กำหนดเหนือน่านฟ้าประเทศกัมพูชา จากการดำเนินงานที่ผ่านมาบริษัทได้ปฏิบัติการควบคุมจราจรทางอากาศตามมาตรฐานของ ICAO ด้วยความปลอดภัยมาโดยตลอด
ICAO ได้คาดการณ์การเติบโตของปริมาณผู้โดยสารทางอากาศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ 6.9% ในปี 2542 และประมาณการการเติบโตของปริมาณผู้โดยสารทางอากาศในปี 2543 เท่ากับ 7% และในปี 2544 เท่ากับ 7.4% ซึ่งการเติบโตดังกล่าวสูงกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของโลกและเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ที่ ICAO จำแนกไว้ สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ประมาณการอัตราการเติบโตของการขนส่งทางอากาศโดยคาดว่าระหว่างปี 2541-2545 อัตราการเติบโตของปริมาณผู้โดยสารทั่วโลกจะมีอัตราเฉลี่ย 5.02% ต่อปี ซึ่งลดลง 0.5% จากอัตราเฉลี่ยที่คาดการณ์ในระหว่างปี 2539-2544 อย่างไรก็ตาม IATA ได้ระบุว่าอัตราการเติบโตของปริมาณผู้โดยสารในภูมิภาคเอเชียจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นของบางประเทศ ปริมาณการจราจรทางอากาศของพลเรือนภายใต้ความรับผิดชอบของบริษัทในปี 2542 มีจำนวน 235,248 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 1.5% จากปี 2541 ในขณะที่ในปี 2541 มีอัตราลดลง 2.5% จากปี 2540
ทริสกล่าวว่าจากการที่บริษัทเป็นองค์กรประเภทไม่แสวงกำไร สายการบินสมาชิกจึงชดเชยค่าใช้จ่ายให้เมื่อรายได้ของบริษัทต่ำกว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ปัจจุบันรัฐบาลมิได้ค้ำประกันเงินกู้ให้แก่บริษัท บริษัทมีความจำเป็นในการใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมากในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการขยายการดำเนินงาน ณ ท่าอากาศยานสากลแห่งที่สองหรือท่าอากาศยานหนองงูเห่าและโครงการติดตั้งเครื่องช่วยเดินอากาศที่สนามบินภูมิภาค บริษัทจึงมีแผนการที่จะกู้เงินเพื่อการลงทุนดังกล่าว ดังนั้นจึงคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้ยืมต่อแหล่งเงินทุนของบริษัทจะสูงขึ้นกว่า 80% ในปี 2545 และกระแสเงินสดในแง่ของเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะลดลงอันเนื่องมาจากการกู้ยืมที่สูงขึ้นและจากการเป็นองค์กรไม่แสวงกำไร