เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2544 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ได้ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันมูลค่า 1,200 ล้านบาทของ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในระดับ "BBB" ซึ่งสะท้อนสถานภาพทางการตลาดที่แข็งแกร่งของหนังสือพิมพ์ "กรุงเทพธุรกิจ" และ "เดอะเนชั่น" ความสามารถของทีมผู้บริหาร และแนวโน้มอุตสาหกรรมโฆษณาที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนด้วยความเสี่ยงทางการเงินอันเนื่องมาจากอัตราส่วนกระแสเงินสดต่อหนี้สินที่อยู่ในระดับต่ำ ความไม่แน่นอนของผลการดำเนินงานจากความผันผวนของราคากระดาษหนังสือพิมพ์ และมูลค่าตลาดโฆษณาที่เปลี่ยนแปลงตามภาวะเศรษฐกิจ
ทริสรายงานว่า บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านสื่อในระดับแนวหน้าของประเทศซึ่งผลิตสื่อหลากหลายประเภท อาทิ สิ่งพิมพ์ โทรทัศน์และวิทยุ รวมทั้งอินเตอร์เน็ต โดยสื่อสิ่งพิมพ์เป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้และผลกำไรให้แก่บริษัทมากกว่า 80% สิ่งพิมพ์หลักของบริษัทคือหนังสือพิมพ์ "กรุงเทพธุรกิจ" และ "เดอะเนชั่น" ซึ่งมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับอย่างสูงในกลุ่มผู้อ่าน โดย "กรุงเทพธุรกิจ" จัดเป็นผู้นำที่โดดเด่นในกลุ่มหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวัน ในขณะที่ "เดอะเนชั่น" สามารถสร้างฐานผู้อ่านให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับผู้นำตลาดหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษคือ "บางกอกโพสต์" ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้หนังสือพิมพ์ดังกล่าวประสบความสำเร็จคือทีมผู้บริหารที่มีความสามารถ มีประสบการณ์ที่ยาวนาน และได้รับการยอมรับในความเป็นมืออาชีพ
ทริสกล่าวว่ารายได้สำคัญของบริษัทมาจากการโฆษณาผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ซึ่งปริมาณโฆษณาจะผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ โดยในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำระหว่างปี 2540-2541 ปริมาณโฆษณาลดลง 18% และ 34% ตามลำดับ เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวในปี 2542 และปี 2543 ปริมาณโฆษณาได้เพิ่มขึ้นอย่างมากถึงกว่า 30% ต่อปี คาดว่าปริมาณการโฆษณาผ่านสื่อหนังสือพิมพ์จะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวในปี 2542 สถานะทางการเงินของบริษัทเริ่มดีขึ้นโดยคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมในปี 2543 จะอยู่ที่ระดับประมาณ 7% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 4.4% ในปี 2541 อัตราส่วนกำไรก่อนภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2543 อยู่ที่ระดับ 1.7 เท่า โดยบริษัทได้บันทึกค่าใช้จ่ายก่อนการดำเนินงานสถานีข่าว 24 ชั่วโมง "เนชั่นแชนแนล" (Nation Channel) และธุรกิจด้านอินเตอร์เน็ตแล้ว
โดยทั่วไปผลกำไรของธุรกิจหนังสือพิมพ์จะได้รับผลกระทบจากกระดาษหนังสือพิมพ์ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญในการผลิตซึ่งมักมีราคาผันผวน ต้นทุนเฉลี่ยของกระดาษหนังสือพิมพ์ของบริษัทซึ่งอยู่ในอัตราประมาณ 50% ของต้นทุนสินค้าและบริการรวมของช่วง 9 เดือนแรกของปี 2543 มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอันอาจส่งผลกระทบให้ผลการดำเนินงานของบริษัทลดลงได้ ต้นทุนเฉลี่ยของกระดาษหนังสือพิมพ์ของบริษัทในช่วงดังกล่าวอยู่ในอัตราประมาณ 530 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในขณะที่ต้นทุนเฉลี่ยในปี 2542 อยู่ที่ 460 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ปัจจุบันราคากระดาษหนังสือพิมพ์อยู่ในระดับประมาณ 610 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากการที่ผู้ผลิตอย่างน้อย 5 รายในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาได้สนับสนุนให้ขึ้นราคากระดาษหนังสือพิมพ์ตันละ 50 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผู้ผลิตรายใหญ่ 2 รายคือ Abitibi-Consolidated และ Bowater จะเริ่มขึ้นราคาภายในเดือนมีนาคม 2544 -- จบ
ทริสรายงานว่า บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านสื่อในระดับแนวหน้าของประเทศซึ่งผลิตสื่อหลากหลายประเภท อาทิ สิ่งพิมพ์ โทรทัศน์และวิทยุ รวมทั้งอินเตอร์เน็ต โดยสื่อสิ่งพิมพ์เป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้และผลกำไรให้แก่บริษัทมากกว่า 80% สิ่งพิมพ์หลักของบริษัทคือหนังสือพิมพ์ "กรุงเทพธุรกิจ" และ "เดอะเนชั่น" ซึ่งมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับอย่างสูงในกลุ่มผู้อ่าน โดย "กรุงเทพธุรกิจ" จัดเป็นผู้นำที่โดดเด่นในกลุ่มหนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวัน ในขณะที่ "เดอะเนชั่น" สามารถสร้างฐานผู้อ่านให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับผู้นำตลาดหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษคือ "บางกอกโพสต์" ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้หนังสือพิมพ์ดังกล่าวประสบความสำเร็จคือทีมผู้บริหารที่มีความสามารถ มีประสบการณ์ที่ยาวนาน และได้รับการยอมรับในความเป็นมืออาชีพ
ทริสกล่าวว่ารายได้สำคัญของบริษัทมาจากการโฆษณาผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ซึ่งปริมาณโฆษณาจะผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ โดยในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำระหว่างปี 2540-2541 ปริมาณโฆษณาลดลง 18% และ 34% ตามลำดับ เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวในปี 2542 และปี 2543 ปริมาณโฆษณาได้เพิ่มขึ้นอย่างมากถึงกว่า 30% ต่อปี คาดว่าปริมาณการโฆษณาผ่านสื่อหนังสือพิมพ์จะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวในปี 2542 สถานะทางการเงินของบริษัทเริ่มดีขึ้นโดยคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมในปี 2543 จะอยู่ที่ระดับประมาณ 7% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 4.4% ในปี 2541 อัตราส่วนกำไรก่อนภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2543 อยู่ที่ระดับ 1.7 เท่า โดยบริษัทได้บันทึกค่าใช้จ่ายก่อนการดำเนินงานสถานีข่าว 24 ชั่วโมง "เนชั่นแชนแนล" (Nation Channel) และธุรกิจด้านอินเตอร์เน็ตแล้ว
โดยทั่วไปผลกำไรของธุรกิจหนังสือพิมพ์จะได้รับผลกระทบจากกระดาษหนังสือพิมพ์ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญในการผลิตซึ่งมักมีราคาผันผวน ต้นทุนเฉลี่ยของกระดาษหนังสือพิมพ์ของบริษัทซึ่งอยู่ในอัตราประมาณ 50% ของต้นทุนสินค้าและบริการรวมของช่วง 9 เดือนแรกของปี 2543 มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอันอาจส่งผลกระทบให้ผลการดำเนินงานของบริษัทลดลงได้ ต้นทุนเฉลี่ยของกระดาษหนังสือพิมพ์ของบริษัทในช่วงดังกล่าวอยู่ในอัตราประมาณ 530 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในขณะที่ต้นทุนเฉลี่ยในปี 2542 อยู่ที่ 460 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ปัจจุบันราคากระดาษหนังสือพิมพ์อยู่ในระดับประมาณ 610 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากการที่ผู้ผลิตอย่างน้อย 5 รายในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาได้สนับสนุนให้ขึ้นราคากระดาษหนังสือพิมพ์ตันละ 50 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผู้ผลิตรายใหญ่ 2 รายคือ Abitibi-Consolidated และ Bowater จะเริ่มขึ้นราคาภายในเดือนมีนาคม 2544 -- จบ