ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทของ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A-” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ เงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ชุดนี้จะนำไปชำระหนี้เงินกู้ระยะยาวของบริษัทและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของกิจการ โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจรักษาพยาบาลในกลุ่มคนไข้ที่มีรายได้ระดับปานกลางถึงระดับต่ำ รวมทั้งฐานรายได้ที่หลากหลายของบริษัท อย่างไรก็ตาม การประเมินอันดับเครดิตยังคำนึงถึงภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นของบริษัทจากการขยายธุรกิจ ตลอดจนผลการดำเนินงานที่ลดลงของโรงพยาบาล World Medical Center (WMC) และการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจรักษาพยาบาล นอกจากนี้ บริษัทยังมีความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสุขภาพของภาครัฐและความเสี่ยงจากการขยายธุรกิจในอนาคตด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในกลุ่มลูกค้ารายได้ระดับปานกลางและกลุ่มลูกค้าประกันสังคมเอาไว้ได้ รวมทั้งโรงพยาบาล WMC จะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในอนาคตด้วย ในขณะเดียวกัน ยังคาดหวังว่าบริษัทจะดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างระมัดระวังสำหรับการลงทุนในอนาคต รวมทั้งรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ที่ 50%-55% เพื่อที่จะคงอันดับเครดิตของบริษัทเอาไว้ที่ระดับดังกล่าว
อันดับเครดิตมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถเพิ่มอัตราการทำกำไรและรักษาระดับอัตราการก่อหนี้ที่เหมาะสมเป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่องยาวนาน ในทางตรงกันข้าม การปรับลดอันดับเครดิตสามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ผลการดำเนินงานของบริษัทลดลงอย่างมากจากระดับปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานและสภาพคล่องของบริษัทลดลงเป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่องยาวนาน นอกจากนี้ การลงทุนที่ใช้เงินกู้จำนวนมากและกระแสเงินสดที่รองรับการชำระหนี้ที่อ่อนแอลงก็เป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน
บริษัทบางกอก เชน ฮอสปิทอลก่อตั้งในปี 2536 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2547 โดยมีตระกูลหาญพาณิชย์เป็นผู้ถือหุ้นหลัก ณ เดือนพฤษภาคม 2558 ในสัดส่วน 50% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท ปัจจุบันบริษัทเป็นเจ้าของและบริหารกิจการโรงพยาบาลจำนวน 11 แห่งและคลินิกชุมชน 2 แห่ง บริษัทมีโรงพยาบาลที่เปิดดำเนินการภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลเกษมราษฎร์” 6 แห่ง ภายใต้แบรนด์ WMC 1 แห่ง และภายใต้แบรนด์ใหม่คือ “การุญเวช” อีก 4 แห่ง โรงพยาบาลแต่ละแห่งของบริษัทมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แตกต่างกัน โดย WMC เน้นรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง โรงพยาบาลเกษมราษฎร์เน้นรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับปานกลาง และโรงพยาบาลการุญเวชเน้นรองรับกลุ่มลูกค้าในโครงการประกันสังคม บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มคนไข้เงินสดอยู่ที่ 65% ของรายได้รวม และจากกลุ่มคนไข้โครงการประกันสังคมอยู่ที่ 35% ของรายได้รวม
บริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการสุขภาพภาครัฐ โดยในระยะกว่า 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีสัดส่วนจำนวนผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคมในเขตกรุงเทพฯ อยู่ที่ประมาณ 9%-11% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 สัดส่วนจำนวนผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคมในเขตกรุงเทพฯ ยังคงแข็งแกร่งที่ 11% การมีฐานจำนวนผู้ประกันตนจำนวนมากช่วยให้บริษัทมีความได้เปรียบจากการประหยัดจากขนาดและยังช่วยคงระดับการใช้งานเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีต้นทุนสูงไม่ให้ต่ำเกินไปด้วย
ในปี 2557 รายได้ของบริษัทเติบโตขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็น 5,301 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 4,160 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทลดลงจากเดิมที่ระดับ 26.7% ในปี 2556 มาอยู่ที่ระดับ 25.3% ในปี 2557 และอยู่ที่ 23.1% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 สาเหตุหลักที่ทำให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานลดลงมาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น ประกอบกับผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลงของ WMC ซึ่ง WMC เปิดดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 ขณะนี้อยู่ในช่วงระยะเริ่มต้นของการดำเนินธุรกิจและยังคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อถึงจุดคุ้มทุน ในปี 2557 WMC มีผลขาดทุนสุทธิ 287 ล้านบาทและ 190 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 แม้ว่า WMC จะมีผลการดำเนินงานขาดทุนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 แต่ผลการดำเนินงานของ WMC มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ โดยผู้บริหารของบริษัทคาดว่า WMC จะมีจุดคุ้มทุนในปี 2559 อย่างไรก็ตาม ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้ง กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ระหว่าง 23%-24% ต่อปีในระยะ 3 ปีข้างหน้า
บริษัทมีภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจากการขยายธุรกิจ โดยหนี้สินรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 2,051 ล้านบาทในปี 2555 เป็น 4,598 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นจาก 33.54% ณ สิ้นปี 2555 เป็น 49.27% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 ในอนาคต บริษัทมีแผนลงทุนเพิ่มเติมราว 2,500 ล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ภาระหนี้ของบริษัทมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีสถานะสภาพคล่องที่ยอมรับได้ที่ระดับอันดับเครดิตในปัจจุบัน ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 บริษัทยังคงมีสภาพคล่องที่น่าพอใจ โดยวัดจากอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายที่ระดับ 8.37 เท่า ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมเท่ากับ 24.56% (ปรับให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) เงินสดในมือของบริษัท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 อยู่ที่ประมาณ 302 ล้านบาท ในขณะที่กระแสเงินสดส่วนเกินที่รองรับการชำระหนี้ของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,103 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2558 ภาระหนี้สินรวมของบริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาท
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html