ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AAA” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากสถานะอันดับเครดิตเฉพาะของธนาคารในฐานะเป็นธนาคารลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของกลุ่ม Mitsubishi UFJ Financial Group Inc. (MUFG) ทั้งนี้ อันดับเครดิตเฉพาะของธนาคารสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่มีเสถียรภาพในธุรกิจหลักของธนาคาร ตลอดจนโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นจากการควบรวมกิจการกับ Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ, Ltd. (BTMU) สาขากรุงเทพฯ ในปี 2558 อย่างไรก็ตาม สภาพตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยยังคงเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลต่อคุณภาพสินทรัพย์และต้นทุนในการตั้งสำรองหนี้เสียของธนาคารต่อไป
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะยังคงได้รับการสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินจากกลุ่ม MUFG ต่อไปในฐานะบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของกลุ่ม
อันดับเครดิตของธนาคารอาจได้รับผลกระทบในกรณีที่สถานะด้านเครดิตของกลุ่ม MUFG มีการเปลี่ยนแปลง หรือในกรณีที่ระดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของธนาคารที่มีต่อกลุ่มเปลี่ยนแปลงไป
BTMU เป็นธนาคารที่ถือหุ้น 100% โดย MUFG ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น BTMU ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 72.01% ของธนาคารภายหลังการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญโดยสมัครใจซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2556 สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่ม MUFG ในธนาคารผ่านทาง BTMU เพิ่มขึ้นจาก 72.01% เป็น 76.88% ภายหลังการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารกับ BTMU สาขากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2558 ในขณะที่กลุ่มรัตนรักษ์ยังคงรักษาสัดส่วนการถือหุ้นเดิมที่ 20% ไว้ ทั้งนี้ BTMU ได้รับการจัดอันดับเครดิตจาก Moody’s Investors Service ที่ระดับ “A1” แนวโน้ม “Stable” และจาก Standard and Poor’s ที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “Negative” ณ เดือนธันวาคม 2558 โดยอันดับเครดิตของธนาคารสะท้อนถึงการสนับสนุนที่คาดว่าจะได้รับจากกลุ่มบริษัทแม่ในกรณีที่ธนาคารประสบปัญหาทางการเงิน
ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 5 โดย ณ เดือนมิถุนายน 2558 ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อ 11.4% และเงินรับฝาก 9.0% การควบรวมกิจการของ BTMU สาขากรุงเทพฯ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธนาคารในเดือนมกราคม 2558 ได้ช่วยเพิ่มความเข้มแข็งทางธุรกิจของธนาคารทั้งในแง่ของการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจสินเชื่อรายย่อยและการขยายส่วนแบ่งทางการตลาดในส่วนของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สินเชื่อของ BTMU สาขากรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสินเชื่อคุณภาพดี ในขณะที่ธนาคารมีจุดแข็งในด้านสินเชื่อรายย่อยซึ่งให้ผลตอบแทนสูง ภายหลังการควบรวม สินเชื่อของธนาคารจะเพิ่มขึ้นราว 1 ใน 4 และมีสัดส่วนที่มีความสมดุลมากขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารยังมีโอกาสที่จะใช้ความสัมพันธ์ที่ BTMU สาขากรุงเทพฯ มีกับบริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่ในประเทศไทยในการขยายฐานลูกค้าไปสู่เครือข่ายธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของบริษัทญี่ปุ่นเหล่านั้น ตลอดจนเสนอขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคารแก่พนักงานที่ทำงานในบริษัทนั้น ๆ อีกด้วย
คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจซึ่งทำให้สินเชื่อด้อยคุณภาพมีปริมาณเพิ่มขึ้นจาก 30.0 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2557 มาอยู่ที่ระดับ 32.9 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 แม้ว่าจะมีการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพออกไปรวม 1.4 พันล้านบาทในช่วงเวลาดังกล่าวก็ตาม อย่างไรก็ตาม เมื่อคำนวณเป็นอัตราส่วนแล้ว สินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารลดลงจาก 3.0% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2557 เหลือ 2.7% ณ เดือนกันยายน 2558 ทั้งนี้ เนื่องจากสินเชื่อที่รับโอนมาจาก BTMU สาขากรุงเทพฯ ทำให้สินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นราว 1 ใน 4 ในขณะที่มีสัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่ำมาก
ในปี 2557 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 14.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อนหน้า อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ย (ROAA) เท่ากับ 1.2% ในปี 2557 เพิ่มขึ้นจาก 1.06% ในปี 2556 กำไรที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ตลอดจนประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ดีขึ้น และต้นทุนในการตั้งสำรองหนี้เสียที่ลดลงเล็กน้อยในปี 2557 สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2558 นั้น ธนาคารมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยและอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยที่ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีอยู่ที่ 0.96% และ 8.63% ตามลำดับ ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมเล็กน้อย
ในส่วนของแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องนั้นธนาคารมีอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินรับฝากรวมตั๋วแลกเงินที่ค่อนข้างสูง โดยมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 112% ณ เดือนกันยายน 2558 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ต่ำกว่า 100% ธนาคารมีสัดส่วนการพึ่งพาการกู้ยืมระยะยาวมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารอื่นเนื่องจากมีสัดส่วนการให้สินเชื่อเช่าซื้อซึ่งมีลักษณะเป็นสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่มากกว่าธนาคารอื่น
ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งและเพียงพอสำหรับการขยายธุรกิจในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า โดย ณ เดือนกันยายน 2558 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 12.5% และมีอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 14.3% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนรวม Conservation Buffer ที่ระดับ 6% และ 8.5% ตามลำดับ อยู่พอสมควร
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html