ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &พันธบัตรไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และแนวโน้ม “บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย” ที่ “AA-/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 11, 2016 13:16 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและพันธบัตรไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) ที่ระดับ “AA-” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจของ บตท. ที่มีพัฒนาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและการได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากรัฐบาล อันดับเครดิตเฉพาะของ บตท. ยังสะท้อนถึงแนวโน้มที่ดีหลังจากประสบความสำเร็จจากโครงการความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ชั้นนำอีกด้วย อย่างไรก็ดี อันดับเครดิตเฉพาะของ บตท. มีข้อจำกัดในด้านของความสามารถในการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ การรักษาระดับเงินกองทุนให้เพียงพอ และการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานเพื่อรองรับการขยายพอร์ตสินเชื่อจำนวนมาก

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ในระยะปานกลางว่าผู้บริหารของ บตท. จะสามารถพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานและควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ รวมทั้งสามารถซื้อพอร์ตสินเชื่อจำนวนมากจากสถาบันการเงินที่เป็นพันธมิตรได้ตามแผน แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความคาดหวังว่าความสัมพันธ์ของ บตท. กับรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินจากรัฐบาลจะไม่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของ บตท. อาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ และรักษาระดับเงินกองทุนที่เพียงพอเอาไว้ได้ ในทางกลับกัน อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของ บตท. อาจปรับลงได้หาก บตท. มีสถานะทางการเงินที่ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ

บตท. เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจซึ่งถือหุ้น 100% โดยกระทรวงการคลัง บตท. มีบทบาทในการส่งเสริมตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยของไทยและมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการได้รับสิทธิพิเศษด้านกฎหมายและการยกเว้นภาษีภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2540 อีกทั้งรัฐบาลยังแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนโดยการอนุมัติเงินเพิ่มทุนให้แก่ บตท. ในปีงบประมาณ 2557 ด้วย

บตท. ก่อตั้งในปี 2540 ภายใต้ พ.ร.ก. บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2540 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น1,000 ล้านบาท ภายใต้ พ.ร.ก. ดังกล่าว รัฐบาลสามารถค้ำประกันตราสารหนี้ที่ออกโดย บตท. ได้ไม่เกิน 4 เท่าของเงินกองทุน ต่อมาในเดือนมกราคม 2552 กระทรวงการคลังได้เพิ่มทุนให้แก่ บตท. อีก 100 ล้านบาท และล่าสุดในเดือนสิงหาคม 2557 กระทรวงการคลังยังอนุมัติการเพิ่มทุนให้อีกจำนวน 130 ล้านบาทด้วย

สำหรับปีงบประมาณ 2557 คณะกรรมการของ บตท. ประกอบด้วยตัวแทนที่หลากหลายจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมที่ดิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พร้อมด้วยผู้มีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่เหมาะสมอีกไม่เกิน 4 ตำแหน่งและกรรมการผู้จัดการของ บตท. ทั้งนี้ โครงสร้างคณะกรรมการ บตท. ได้รับการจัดสรรอย่างรอบคอบเพื่อรองรับการดำเนินงานตามพันธกิจ

เป้าหมายในการก่อตั้ง บตท. คือ การสร้างตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยและเสนอสินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราคงที่ระยะยาวแก่ผู้ซื้อบ้าน สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่อยู่ในพอร์ตของ บตท. เป็นการซื้อมาจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยในตลาดแรกแล้วนำมารวมกันเพื่อสร้างตราสารทางการเงินที่มีกระแสเงินสดจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลัง จากนั้นจึงขายตราสารดังกล่าวให้แก่นักลงทุน

บตท. มีโอกาสทางธุรกิจที่ดีขึ้นหลังจากสามารถบรรลุเป้าหมายกลยุทธ์ทางธุรกิจหลายประการ ดังเห็นได้จากยอดสินเชื่อในปี 2557 ที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากสิ้นปี 2556 และมีกำไรติดต่อกัน 8 ปีแม้จะมีความผันผวนด้านรายได้ก็ตาม นอกจากนี้ การขยายความร่วมมือกับสถาบันการเงินพันธมิตรหลายแห่งยังทำให้พันธมิตรดังกล่าวขายพอร์ตสินเชื่อให้แก่ บตท. มากขึ้น โดยตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปี 2557 บตท. มียอดสินเชื่อใหม่เข้ามามากถึง 16,805 ล้านบาท ส่งผลทำให้ยอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 1,732 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 8,610 ล้านบาทในปี 2556 และ ณ สิ้นปี 2557 ยอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นถึง 88% จากสิ้นปี 2556 มาอยู่ที่ 16,191 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 ยอดสินเชื่อคงค้างของ บตท. อยู่ที่ 16,977 ล้านบาท โดยยอดสินเชื่อทั้งหมดประกอบด้วยสินเชื่อที่ซื้อจากธนาคารกสิกรไทยประมาณ 50% และจากธนาคารไทยพาณิชย์ประมาณ 30% ส่วนที่เหลือมาจากธนาคารทิสโก้และธนาคารเกียรตินาคินแห่งละ 10%

ภายหลังการแก้ไขปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากที่เคยสูงถึงระดับประมาณ 40% ในปี 2549 มาอยู่ที่ 5.5% ในปี 2555 และลดลงมาอยู่ที่ 3.3% ในปี 2556 และ 2.4% ในปี 2557 อันเป็นผลมาจากการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของ บตท. เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.3% แต่ก็เป็นอัตราส่วนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ระดับ 3.6% ของธนาคารพาณิชย์ทั้ง 15 แห่งด้วย เนื่องมาจากสินเชื่อเกือบทั้งหมดของบริษัทเป็นพอร์ตสินเชื่อที่ซื้อมาจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อดังกล่าวจะดีกว่าพอร์ตสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กหรือสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ อย่างไรก็ตาม บตท. ยังคงต้องพิสูจน์ความสามารถในการรักษาระดับคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อใหม่ต่อไป

ความสามารถในการทำกำไรของ บตท. ดีขึ้นมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2551 โดย บตท. รายงานผลกำไรสุทธิ 22 ล้านบาทหลังจากขาดทุนติดต่อกันมา 3 ปี และรายงานผลกำไรสุทธิ 26 ล้านบาทในปี 2552 ในขณะที่ในปี 2553 บตท. มีกำไรสุทธิเพียง 0.3 ล้านบาทเนื่องจากการลดลงของรายได้จากการดำเนินงานและการเพิ่มขึ้นของรายการหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญตามเกณฑ์มาตรฐานบัญชี IAS39 ในปี 2554 กำไรสุทธิของ บตท. ฟื้นตัวเป็น 4 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านบาทในปี 2555 จากการขยายตัวของสินเชื่อและการมีค่าใช้จ่ายสำหรับรายการหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ บตท. ยังคงมีกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิ 26 ล้านบาทในปี 2556 และ 69 ล้านบาท ในปี 2557 ทั้งนี้ ณ ครึ่งแรกของปี 2558 บตท. ยังมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 43 ล้านบาท ตามผลตอบแทนของพอร์ตสินเชื่อที่โตขึ้น

ในอดีต ฐานเงินทุนหลักของ บตท. มาจากตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้น แต่ภายหลังจากการออกพันธบัตรไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันและตราสารทางการเงินซึ่งมีกระแสเงินสดจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลัง (Mortgage-backed Securities -- MBS) แล้วก็ทำให้การพึ่งพิงแหล่งเงินทุนจากตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้นมีสัดส่วนลดลงจาก 80% ในปี 2555 เหลือเพียง 40% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 ส่วนแหล่งเงินทุนที่เหลือในสัดส่วน 60% นั้น บตท. ได้ลดความไม่สมดุลระหว่างโครงสร้างของสินทรัพย์และหนี้สินลงโดยการออกพันธบัตรไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันและ MBS ซึ่งแหล่งเงินทุนทั้ง 2 แหล่งดังกล่าวเป็นแหล่งระดมเงินทุนระยะยาว และทำให้แหล่งเงินทุนสอดคล้องกับระยะเวลาของสินเชื่อที่ซื้อมากขึ้น

บตท. สามารถดำเนินการตามพันธกิจในการพัฒนาตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยตั้งแต่ปี 2545 จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2558 บตท. ประสบความสำเร็จในการออก MBS และตราสารทางการเงินซึ่งมีกระแสเงินสดจากสินทรัพย์หนุนหลัง (Asset backed Securities – ABS) ถึง 7 ครั้ง มูลค่ารวม 6,612 ล้านบาท การออกตราสารดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประเภทของตราสารทางการเงินใหม่ ๆ เช่น MBS เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุน

บตท. มีการขยายพอร์ตสินเชื่อจำนวนมากโดยการใช้เงินทุนที่มีอย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงลดลงจาก 77.7% ในปี 2554 มาอยู่ที่ 13.6% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 และ อัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมลดลงจาก 36.3% ในปี 2554 มาอยู่ที่ 5.4% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้ง คาดว่า บตท. จะสามารถรักษาระดับเงินกองทุนสำหรับรองรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมในอนาคตได้อย่างเพียงพอ

บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (SMC)
อันดับเครดิตองค์กร: AA-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
SMCT166A: พันธบัตรไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 827 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 AA-
SMCT168A: พันธบัตรไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 650 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 AA-
SMCT176A: พันธบัตรไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 AA-
SMCT179A: พันธบัตรไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 AA-
SMCT17NA: พันธบัตรไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 AA-
SMCT186A: พันธบัตรไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 AA-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ