ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม “บ. อารียา พรอพเพอร์ตี้” ที่ “BB+/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 12, 2016 16:32 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานของบริษัทที่เป็นที่ยอมรับในตลาดที่อยู่อาศัยระดับราคาปานกลาง ในขณะเดียวกัน การประเมินอันดับเครดิตดังกล่าวยังพิจารณาถึงฐานรายได้ที่ค่อนข้างเล็กของบริษัท ตลอดจนความสามารถในการทำกำไรที่ผันผวนและการก่อหนี้ในระดับสูง นอกจากนี้ ระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและลักษณะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงยังเป็นปัจจัยกังวลสำหรับอันดับเครดิตด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อยอดขายน่าจะอยู่ที่ 8%-10% และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนน่าจะลดลงต่ำกว่า 70% อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอับดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทไม่สามารถปรับตัวดีขึ้นได้ตามที่คาดไว้และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนด้อยลงจากระดับปัจจุบัน

บริษัทอารียาก่อตั้งในปี 2543 โดยกลุ่มตระกูลเลาหพูนรังษี บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนเมษายน 2547 กลุ่มเลาหพูนรังษีเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทมาตั้งแต่ก่อตั้ง ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้น ณ เดือนกันยายน 2558 ที่ 45% และมีนายวิศิษฏ์ เลาหพูนรังษีเป็นประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัทนำเสนอสินค้าที่อยู่อาศัยที่หลากหลายทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียมซึ่งเน้นตลาดระดับราคาปานกลาง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 บริษัทมีโครงการเหลือขายทั้งหมด 40 โครงการ โดยมีมูลค่าเหลือขายทั้งสิ้นประมาณ 13,000 ล้านบาท จากมูลค่าเหลือขายทั้งหมดคิดเป็นคอนโดมิเนียมจำนวนเกือบครึ่งหนึ่ง ทาวน์เฮ้าส์ 33% และบ้านเดี่ยว 18% บริษัทมียอดขายรอการรับรู้รายได้จำนวน 3,450 ล้านบาทซึ่งส่วนใหญ่มาจากโครงการคอนโดมิเนียม

ตั้งแต่ปี 2555 ถึงปี 2557 รายได้ของบริษัทอยู่ในช่วง 1,700-2,400 ล้านบาทต่อปี ซึ่งต่ำกว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้ง รายได้ของบริษัทส่วนมากมาจากยอดรายได้ที่รับรู้จากโครงการ

ทาวเฮ้าส์ที่ประมาณ 1,400-2,100 ล้านบาทต่อปี บริษัทรับรู้รายได้ 2,438 ล้านบาทในปี 2557 ในขณะที่ยอดรายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าจาก 1,514 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนมาเป็น 4,048 ล้านบาท รายได้จากสินค้าที่อยู่อาศัยของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นในทุกประเภทโดยเฉพาะโครงการแนวราบ นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการขายที่ดิน 50 ไร่จำนวนอีกประมาณ 1,200 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2015 ด้วย รายได้ของบริษัทในปี 2558

คาดว่าจะมีมากกว่า 5,000 ล้านบาท โดยรายได้ในช่วงที่เหลือของปี 2558 ไปจนถึงปี 2561 มียอดขายที่จะรับรู้เป็นรายได้รองรับจำนวนประมาณ 1,140 ล้านบาทในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2558 จำนวน 1,500 ล้านบาทในปี 2559 และจำนวน 810 ล้านบาทในช่วงปี 2560-2561

ผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนตัวลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากความสามารถในการทำกำไรลดต่ำลง อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อยอดขายของบริษัทลดลงจากจุดสูงสุดที่ 21% ในปี 2552 มาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 10% นับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา โดยการลดลงดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของรายได้ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตรากำไรขั้นต้น (ไม่รวมการขายที่ดิน) ลดต่ำลงเหลือ 25.5% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 จากระดับปกติที่มากกว่า 30% บริษัทพยายามลดจำนวนสินค้าคงเหลือลงด้วยการใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายรวมถึงนำเสนอสินค้าที่มีราคาต่ำลงสำหรับโครงการแนวราบที่เปิดในทำเลใหม่ ต้นทุนการพัฒนาโครงการสำหรับสินค้าในทำเลใหม่จะสูงกว่าปกติเนื่องจากบริษัทจำเป็นต้องสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไว้ก่อน รวมถึงการตั้งราคาให้น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายที่ดินซึ่งไม่ใช่รายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำช่วยหนุนรายได้ของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 ให้เพิ่มสูงขึ้น และทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายของบริษัทลดต่ำลง ส่งผลให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 9.6% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 เมื่อเทียบกับ 5% ในปี 2557 เมื่อมองไปในอนาคตข้างหน้า ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทน่าจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น โดยอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อยอดขายของบริษัทน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 10%-12% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

บริษัทก่อหนี้ในระดับสูงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทขยายโครงการเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในขณะที่รับรู้รายได้จำนวนไม่มากนัก ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเท่ากับ 74.1% (รวมมูลค่าปัจจุบันของค่าเช่าที่ดินตลอดอายุสัญญาเช่า) เพิ่มขึ้นจาก 63.8% ในปี 2555 อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนทุนเท่ากับ 2.8 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 1.6 เท่าในปี 2555 เนื่องจากโครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง ทั้งนี้ คอนโดมิเนียมดังกล่าวส่วนใหญ่จะมีกำหนดการโอนในช่วงปลายปี 2558 เป็นต้นไป จึงน่าจะช่วยลดระดับการก่อหนี้ของบริษัทลงได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในระดับไฮเอนด์ 2 แห่งมูลค่ารวมกันประมาณ 12,000 ล้านบาทในปี 2559 ทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทน่าจะยังทรงตัวในระดับสูงที่ 70%-75% (รวมมูลค่าปัจจุบันของค่าเช่าที่ดินตลอดอายุสัญญาเช่า) ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

กระแสเงินสดของบริษัทด้อยลงจากกำไรที่ลดต่ำลงและหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 2.53% ในปี 2555 เป็น 0.20% ในปี 2557 แต่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.78% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 บริษัทมีการก่อหนี้ระยะสั้นในระดับสูงซึ่งส่วนใหญ่เป็นตั๋วแลกเงิน อย่างไรก็ดี บริษัทมีวงเงินที่ยังไม่ได้เบิกใช้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2558 ที่จะใช้หนุนสภาพคล่อง ในขณะที่บริษัทมีเงินสดในมือเพียง 144 ล้านบาท

บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (Areeya)
อันดับเครดิตองค์กร: BB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ