ทริสเรทติ้งปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “BBB” จาก “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยการปรับลดอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงและภาระหนี้ที่สูงขึ้น ทั้งนี้ อันดับเครดิต “BBB” ยังคงสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในอุตสาหกรรมผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าในประเทศ ตลอดจนความสามารถในการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังและหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่ายที่มีกำลังไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้าที่หลากหลาย อันดับเครดิตยังคำนึงถึงการเติบโตของความต้องการใช้ไฟฟ้าภายในประเทศและศักยภาพการเติบโตในตลาดส่งออกของบริษัทด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรง และสถานะทางการเงินของบริษัทที่อ่อนแอลง
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น และสามารถปรับเพิ่มอัตรากำไรเมื่อภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนฟื้นตัว นอกจากนี้ บริษัทย่อยน่าจะยังสามารถสร้างผลกำไรและกระแสเงินสดได้ในระดับที่น่าพอใจ อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และบริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 45% และอัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 10%-15% อย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิต และ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงและอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บริษัทถิรไทยเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้า ตลอดจนให้บริการติดตั้ง ซ่อมแซมและบำรุงรักษา บริษัทก่อตั้งในปี 2530 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (Market for Alternative Investment – MAI) ในเดือนพฤษภาคม 2549 โดยนายสัมพันธ์ วงษ์ปาน ซึ่งดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการและคณะผู้บริหารหลักเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วนรวมกัน 29% ณ เดือนธันวาคม 2558 นอกจากรายได้จากการจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าแล้ว บริษัทยังได้ขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจประกอบรถยกไฮดรอลิกและธุรกิจเหล็กแปรรูปโดยผ่านการดำเนินงานของบริษัทย่อยด้วย
การที่ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตของบริษัทลงนั้นเนื่องจากบริษัทมีผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงในปีที่ผ่าน ๆ มาและมีระดับหนี้สินเพิ่มขึ้น รายได้รวมของบริษัทในปี 2558 ยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องจากปี 2557 ที่รายได้ลดลง 15% จากปีก่อนหน้า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิในปี 2559 ด้วยสาเหตุหลักจากผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยที่ขาดทุนจากการดำเนินโครงการในต่างประเทศ รวมทั้งบริษัทมีลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงและระดับเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดทำให้ระดับหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งส่งผลลบต่อโครงสร้างเงินทุนและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัท
อันดับเครดิตในปัจจุบันสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้าในประเทศของบริษัท บริษัทเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทภายในประเทศที่สามารถผลิตได้ทั้งหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังและหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ของบริษัทครอบคลุมหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังที่มีกำลังไฟฟ้าสูงสุด 300 เมกะโวลต์แอมแปร์ (MVA) ที่แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 230 กิโลโวลต์ (kV) และหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่ายที่มีกำลังไฟฟ้าตั้งแต่ 1 กิโลโวลต์แอมแปร์ (KVA) ถึง 10 MVA ที่แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 36 kV อีกทั้งบริษัทยังเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้อยรายที่สามารถจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าได้ บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการมีสัญญาการใช้ลิขสิทธิ์ของ Siemens Transformers Austria GmbH & Co KG (Siemens) จากประเทศออสเตรีย ซึ่งช่วยสนับสนุนบริษัทในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์และการเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการเติบโตของความต้องการใช้ไฟฟ้าภายในประเทศ ซึ่งทำให้เกิดการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการผลิตไฟฟ้าและการลงทุนเพิ่มเติมในโครงสร้างพื้นฐานทางด้านพลังงาน ซึ่งจะช่วยหนุนธุรกิจหลักของบริษัท นอกจากนี้อันดับเครดิตยังคำนึงถึงศักยภาพการเติบโตในตลาดส่งออกของบริษัท โดยเฉพาะในประเทศที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงด้วย
ในทางตรงกันข้าม ความแข็งแกร่งของบริษัทถูกลดทอนบางส่วนจากภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าแบ่งออกเป็นหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังและหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย โดยการแข่งขันในตลาดหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังมีความรุนแรงน้อยกว่าหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาตลาดหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นเนื่องจากปัจจัยหลัก 3 ประการ คือ การเข้ามาของผู้ผลิตจากประเทศจีนที่มีลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ การขยายกำลังการผลิตของผู้ผลิตเดิม และการเข้ามาของผู้ผลิตรายใหม่ที่มาจากกลุ่มผู้ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย อย่างไรก็ตาม การแข่งขันลดความรุนแรงลงเล็กน้อยเนื่องจากการเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรนำเข้าหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่
ในปี 2558 ผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนตัวลงมาก รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 2,224 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากระดับ 2,132 ล้านบาทในปีก่อนหน้า รายได้ของบริษัทที่ทรงตัวในระดับต่ำมีสาเหตุหลักมาจากการเลื่อนงานประมูลของภาครัฐวิสาหกิจและการชะลอตัวของโครงการลงทุนภาคเอกชน ในขณะที่ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทก็ลดลง อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทลดลงจากระดับ 6.7% ในปี 2557 เป็น 0.1% ในปี 2558 อัตรากำไรที่ลดลงอย่างรุนแรงมาจากอัตรากำไรของธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้าที่ลดลง รวมถึงผลขาดทุนจากบริษัทย่อย และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ในปี 2558 บริษัทรับรู้ผลขาดทุนจาก บริษัท แอล. ดี. เอส. เมทัล เวิร์ค จำกัด (LDS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยจำนวน 77 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนการก่อสร้างสายพานลำเลียงในโครงการโรงไฟฟ้าหงสาสูงกว่าประมาณการ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีมูลค่าทั้งสิ้น 448 ล้านบาท ซึ่งบริษัทรับรู้เป็นรายได้จำนวน 216 ล้านบาทในปี 2557 และ 232 ล้านบาทในปี 2558 โดยบริษัทมีผลกำไรขั้นต้นจำนวน 58 ล้านบาทในปี 2557 แต่มีผลขาดทุนจำนวน 77 ล้านบาทในปี 2558 ผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงส่งผลให้เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทลดลงจาก 200 ล้านบาทในปี 2557 เป็น 45 ล้านบาทในปี 2558 ในขณะที่กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายก็ลดลงด้วยเช่นกันโดยอยู่ที่ 44 ล้านบาทจาก 170 ล้านบาทในช่วงเดียวกัน
ณ สิ้นปี 2558 บริษัทมีหนี้สินรวมเท่ากับ 1,350 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 961 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2557 หนี้สินรวมที่เพิ่มขึ้นเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้การค้าและการลงทุนขยายกำลังการผลิตของบริษัท อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 55.6% จาก 45% ณ สิ้นปี 2557 ลูกหนี้การค้าของบริษัทที่เพิ่มขึ้นมาจากรายการธุรกิจในต่างประเทศ ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะเก็บเงินจากลูกหนี้ได้ในช่วงต้นปี 2559 และจะส่งผลให้หนี้สินรวมลดลง บริษัทมีกระแสเงินสดลดลง โดยมีอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายลดลงมาอยู่ที่ 0.8 เท่าในปี 2558 เทียบกับระดับ 3.7-7.3 เท่าในปี 2556-2557 และ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงเท่ากับ 3.3% ในปี 2558 เทียบกับระดับ 20.8%-38.9% ในปี 2556-2557
ผลประกอบการของบริษัทคาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นหากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าสามารถเปิดประมูลได้ตามปกติและการลงทุนของภาคเอกชนฟื้นตัว ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายที่รอการส่งมอบจำนวน 1,680 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2558 โดยประมาณ 95% ของยอดขายที่รอการส่งมอบนี้มีกำหนดส่งมอบภายในปี 2559 นอกจากนี้ ณ สิ้นปี 2558 บริษัทยังอยู่ระหว่างการยื่นประมูลโครงการที่มีมูลค่ารวมประมาณ 9,000 ล้านบาทด้วย เมื่อพิจารณาจากประวัติที่ผ่านมาแล้ว บริษัทมีอัตราความสามารถในประมูลสำเร็จประมาณ 15% ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้ง ในช่วง 3 ปีข้างหน้ารายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 2,800-3,200 ล้านบาทต่อปี โดยคาดว่าบริษัทจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับเกือบ 300 ล้านบาทต่อปี และจะมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนประมาณ 50% ในปี 2559-2561
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html