เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2543 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ได้ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันมูลค่า 2,282 ล้านบาทของบริษัท ยูไนเต็ดคอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) (ยูคอม) เป็น "BB+" จาเดิม "BB" เนื่องมาจากภาระหนี้ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และความเป็นไปได้ที่กลุ่มยูคอมจะมีความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจโทรคมนาคมที่สูงขึ้นจากการมีบริษัท เทเลนอร์ เอเชีย จำกัด (เทเลเนอร์) ร่วมทุนเป็นพันธมิตรธุรกิจ แม้ว่า บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (แท็ค) จะเปลี่ยนสถานภาพจากบริษัทย่อยมาเป็นบริษัทร่วม แต่อัตราการเติบโตที่สูงในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังคงเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตของยูคอม อย่างไรก็ตาม สถานภาพทางการเงินที่ค่อนข้างอ่อนแอในด้านอัตราการทำกำไรและภาวะกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของยูคอมเป็นสาเหตุสำคัญที่จำกัดการเพิ่มอันดับเครดิตในครั้งนี้
ทริสกล่าวว่ายูคอมและแท็คได้ทำสัญญาเป็นพันธมิตรธุรกิจกับเทเลนอร์ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมที่ถือหุ้น 100% โดยรัฐบาลนอร์เวย์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2543 การร่วมทุนครั้งนี้ทำให้เทเลนอร์มีสัดส่วนการถือหุ้นในยูคอม 24.8% และยังได้ถือหุ้นในแท็คซึ่งเป็นบริษัทในเครือของยูคอมอีก 28.8% ในขณะที่สัดส่วนการถือหุ้นของยูคอมในแท็คลดลงจาก 65% เหลือ 41.6% สัญญาพันธมิตรธุรกิจครั้งนี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 701 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเทเลนอร์จ่ายเงินให้ยูคอม 249 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แท็ค 263 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และให้กลุ่ม Somers ซึ่งเป็นกองทุนจากประเทศในยุโรป 189 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การชำระเงินดังกล่าวได้เสร็จสิ้นไปแล้วในเดือนสิงหาคม 2543 ยูคอมใช้เงินเกือบทั้งหมดที่ได้จากเทเลนอร์ไปในการจ่ายคืนหนี้เงินกู้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินสกุลต่างประเทศ มีผลทำให้หนี้เงินกู้จากการปรับโครงสร้างหนี้ซึ่งเป็นหนี้เกือบทั้งหมดของเงินกู้รวมของยูคอม (ไม่รวมหนี้ของแท็ค) ลดลง 49% จาก 441 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ กลางปี 2543 เหลือ 224 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนกันยายน 2543 การที่จำนวนหนี้เงินกู้ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในครั้งนี้ทำให้โครงสร้างเงินทุนของกลุ่มยูคอมมีเสถียรภาพมากขึ้นและคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อแหล่งเงินทุนรวมจะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 59.10% ณ สิ้นปี 2543 จากระดับ 93.87% ในปี 2542
จากรายงานของทริส ตลาดโทรศัพท์มือถือมีการเติบโตที่ชัดเจนที่ระดับ 16% ในปี 2542 และเพิ่มขึ้นเป็น 28% ณ กลางปี 2543 นอกจากนี้ การที่ประเทศไทยยังมีอัตราผู้ใช้บริการในระดับต่ำที่ 4.2% ต่อประชากร 100 คน แสดงถึงโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้อีกมาก และจากการที่เทเลนอร์ร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจจะส่งผลดีโดยตรงแก่แท็คในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจนี้ ในขณะเดียวกัน บริษัทอื่นในเครือยูคอมคงจะได้รับประโยชน์จากการร่วมทุนในครั้งนี้ด้วยโดยเฉพาะธุรกิจบรอดแบรนด์และอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้กลุ่มเทเลเนอร์ยังช่วยเพิ่มอำนาจการต่อรองราคาในการสั่งซื้อสินค้าจากผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารให้แก่กลุ่มยูคอมด้วย
ในด้านการเงิน กลุ่มยูคอมมีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (ก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย) ที่ดีขึ้นจากระดับ 30.65% ในปี 2542 มาอยู่ที่ระดับ 36.16% ณ กลางปี 2543 อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนต่อแหล่งเงินทุนถาวร ณ กลางปี 2543 ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 10.71% แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 7.89% ณ สิ้นปี 2542 ก็ตาม ในปี 2542 กลุ่มยูคอมมีอัตราส่วนกำไรก่อนค่าเสื่อม ภาษี และดอกเบี้ยต่อดอกเบี้ยจ่ายที่ระดับ 1.64 เท่า และมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินรวมในระดับต่ำเช่นกันที่ 5.27% ทั้งนี้ อัตราส่วนทางการเงินดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับที่อ่อนแอ ณ กลางปี 2543
อนึ่ง หุ้นกู้ UCOM# 1 ซึ่งครบกำหนดชำระในปี 2546 มียอดคงเหลือ ณ วันที่ 30 กันยายน 2543 จำนวน 1,121 ล้านบาท