ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ บริษัท เอส 11 กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ ความสามารถในการทำกำไรในระดับที่น่าประทับใจแม้ในยามที่เศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย และระดับฐานทุนที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากการกระจุกตัวของฐานสินเชื่อในแง่ภูมิศาสตร์ ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงของอุตสาหกรรม เศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัว หนี้ครัวเรือนระดับสูง และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทที่มีความอ่อนไหวเป็นอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทที่ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องและการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสินเชื่อของบริษัทด้วย กล่าวคือ บริษัทยังต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ความมีเสถียรภาพในการขยายธุรกิจพร้อมทั้งรักษาผลประกอบการในระดับที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าคณะผู้บริหารของบริษัทซึ่งมีความสามารถและมากด้วยประสบการณ์จะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดและสร้างผลประกอบการที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสามารถดำรงสถานะทางการเงินอันเข้มแข็งไว้ได้ นอกจากนี้ ยังคาดหวังว่าคุณภาพสินเชื่อของบริษัทจะไม่ลดต่ำลงจนถึงระดับที่กระทบต่อภาพรวมทางการเงินของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญการปรับเพิ่มขึ้นของอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตขึ้นอยู่กับประวัติในการดำเนินธุรกิจและความมีเสถียรภาพของภาพรวมทางการเงินซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรในระดับสูงและฐานทุนที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญจนกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรและฐานทุนของบริษัท
บริษัท เอส 11 ก่อตั้งในปี 2554 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท บริษัทได้เริ่มให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จากนั้นจึงขยายไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดในภาคกลางและภาคตะวันออก ทุนจดทะเบียนของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อตั้ง ในปี 2558 บริษัทได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งการเสนอขายหุ้นแก่สาธารณชนเป็นครั้งแรกทำให้ทุนชำระแล้วของบริษัทเพิ่มขึ้น 80 ล้านบาท เป็น 613 ล้านบาท เงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นดังกล่าวทำให้บริษัทสามารถขยายสินเชื่อและเพิ่มช่องทางใหม่ในการเข้าสู่ตลาดทุน ปัจจุบันผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ได้แก่ บริษัท เอส ชาร์เตอร์ จำกัด (ซึ่งถือหุ้นโดยครอบครัวจิระดำรง 97%) ถือหุ้นของบริษัท 28.4% และกลุ่มผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ชาวต่างชาติ โดยถือหุ้นของบริษัท 38.6% ทั้งนี้ แม้จะเป็นบริษัทก่อตั้งใหม่ แต่คณะผู้บริหารของบริษัทล้วนมีประสบการณ์ครอบคลุมธุรกิจให้สินเชื่อรถจักรยานยนต์เป็นระยะเวลายาวนานมากกว่า 20 ปี
บริษัทได้ขยายสาขาไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดต่าง ๆ ในภาคตะวันออก โดยสินเชื่อของบริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วจาก 618 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 3,715 ล้านบาทในปี 2558 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 56.6% ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2558 บริษัทมีสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่คิดเป็น 98.9% ของสินเชื่อคงค้าง โดยส่วนที่เหลือของสินเชื่อคงค้างเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใช้แล้ว
อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระมากกว่า 90 วัน) ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่อุตสาหกรรมโดยรวมประสบภาวะยากลำบาก อัตราส่วนดังกล่าวของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 7.4% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 (2 ปีหลังจากก่อตั้งบริษัท) มาอยู่ที่ระดับ 8.4% ณ สิ้นปี 2557 และ 9.6% ณ สิ้นปี 2558 การเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนนี้เกิดขึ้นในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ผลขาดทุนจากการขายรถจักรยานยนต์ยึดคืนของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งสวนทางกับการขาดทุนจากการขายรถจักรยานยนต์ยึดคืนของผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ที่มีทิศทางเพิ่มขึ้น โดยการลดลงของผลขาดทุนนี้ช่วยบรรเทาผลกระทบในเชิงลบจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ลดต่ำลงต่อความสามารถในการทำกำไร
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทเป็นกลุ่มที่มีระดับความเสี่ยงสูงและค่อนข้างอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงในทางลบของภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้น นโยบายการอนุมัติสินเชื่ออันเข้มงวดของบริษัท ตลอดจนกระบวนการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพ เป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยจำกัดความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายซึ่งมีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นานและมีการเติบโตอย่างรวดเร็วทำให้บริษัทต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ความสามารถในการบริหารจัดการฐานสินเชื่อขนาดใหญ่และดำรงคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้อย่างมีเสถียรภาพ
ผลประกอบการของบริษัทเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 11 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 75 ล้านบาทในปี 2555 และเติบโตอีก 54.9% มาอยู่ที่ระดับ 116 ล้านบาทในปี 2556 ในปี 2557 กำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นอีกถึง 83.2% เป็น 213 ล้านบาท และในปี 2558 กำไรสุทธิยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 65.7% เป็น 353 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 6.1% ในปี 2555 เป็น 10.5% ในปี 2558
ผลกำไรอันสม่ำเสมอตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมาทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะหลังจากการเสนอขายหุ้นแก่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ทำให้ฐานทุนของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นจาก 34% ณ สิ้นปี 2557 เป็น 47.2% ณ สิ้นปี 2558 ทริสเรทติ้งมองว่าฐานทุนของบริษัทในขณะนี้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเพียงพอสำหรับรองรับการขยายสินเชื่อในช่วงระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ระดับต่ำเพียง 1.1 เท่า ณ สิ้นปี 2558 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะกระจายแหล่งเงินทุนจากภายนอกมากขึ้นเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นทางด้านการเงิน
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html