ทริสเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร จีอี แคปปิตอล ออโต้ ลีส ที่ระดับ A
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2543 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศทบทวนอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท จีอี แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) จากเดิมที่ระดับ A- เพิ่มเป็นระดับ A โดยอันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นแสดงถึงการปรับปรุงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น และการสนับสนุนจากบริษัทแม่คือ บริษัท เจเนอรัล อีเลคทริค แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (จีอีซีซี) รวมทั้งการพัฒนาการบริหารควบคุมความเสี่ยงและการใช้นโยบายการเงินแบบอนุรักษ์นิยม การบริหารระดับหนี้สินต่อทุนไม่ให้เกิน 10:1 ตลอดจนการมีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อค้างชำระที่ลดลงในปี 2542 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่เป็นกำไรหลังจากที่ประสบผลขาดทุนติดต่อกันในปี 2540 และ 2541 นอกจากนี้ สภาพเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวยยังเป็นปัจจัยสนับสนุนให้อุปสงค์ในตลาดรถยนต์เพิ่มสูงขึ้นซึ่งจะสร้างโอกาสแก่ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่เช่นบริษัท
ทริสรายงานว่าการบริหารและควบคุมความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพทำให้สัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อค้างชำระต่อสินเชื่อเช่าซื้อทั้งหมดของบริษัทในส่วนสินเชื่อค้างชำระ 30 วันขึ้นไปลดลงจาก 27% ในเดือนธันวาคม 2541 เหลือเพียง 10% ณ เดือนกันยายน 2542 หากใช้เกณฑ์สินเชื่อค้างชำระ 3 เดือนขึ้นไปตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย สัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อค้างชำระของระบบสถาบันการเงินจะอยู่ที่ระดับ 23% ของยอดสินเชื่อเช่าซื้อสุทธิ ในขณะที่สัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อค้างชำระต่อสินเชื่อเช่าซื้อสุทธิของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 2.75% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของระบบสถาบันการเงินที่ทำธุรกิจเช่าซื้อ คุณภาพของสินทรัพย์ที่ดีขึ้นของบริษัทช่วยลดการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลงไปจาก 704 ล้านบาทในปี 2541 เหลือเพียง 344 ล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2542 ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจาก 5.3% ในปี 2541 เป็น 6.2% ณ เดือนกันยายน 2542 ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างผลกำไรที่สูงขึ้นในอนาคตจากการฟื้นตัวของธุรกิจเช่าซื้อ ในส่วนของกำไรสุทธิ ณ เดือนกันยายน 2542 อยู่ที่ 162 ล้านบาท และคาดว่าจะเป็น 217 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2542 จากรายงานของทริส บริษัทมีแหล่งเงินทุนจากกลุ่มสถาบันการเงินต่างๆ ที่จัดหาให้โดยบริษัทแม่อย่างเพียงพอที่จะรองรับการขยายตัวของยอดจำหน่ายรถยนต์ที่คาดว่าจะเติบโตในอัตรา 20% ในปี 2543 หนี้สินระยะสั้นส่วนใหญ่ได้มีการเปลี่ยนแหล่งเงินกู้ใหม่และมีการป้องกันความเสี่ยงไว้ทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทแม่ยังอนุมัติวงเงินสินเชื่อจำนวน 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่บริษัทเพื่อใช้เป็นเงินสำรองอีกด้วย