ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด ที่ระดับ “AAA” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ซึ่งอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงการได้รับกระแสเงินสดที่แน่นอนจากการมีสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และเทคโนโลยีที่ทันสมัยของโรงไฟฟ้าราชบุรีและโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ รวมถึงผลงานในการบริหารโรงไฟฟ้าที่เป็นที่ประจักษ์
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงดำรงความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าและผลการดำเนินงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ต่อไป อีกทั้งจะสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงไปจนตลอดอายุของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าซึ่งจะทยอยครบกำหนดในระหว่างปี 2568-2570
ทั้งนี้ ปัจจัยเชิงลบที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้แก่กรณีที่บริษัทมีภาระหนี้เงินกู้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญซึ่งอาจมาจากการใช้เงินกู้ในการลงทุนขนาดใหญ่
บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีเป็นบริษัทที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (ได้รับอันดับเครดิตที่ระดับ “AAA” จากทริสเรทติ้ง) บริษัทเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน (Independent Power Producer – IPP) รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินงานโรงไฟฟ้า 2 แห่งซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดราชบุรี ด้วยกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 4,345 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นประมาณ 10% ของกำลังการผลิตติดตั้งของทั้งประเทศ โรงไฟฟ้าราชบุรีของบริษัทประกอบด้วยหน่วยผลิตไฟฟ้าพลังความร้อน 2 หน่วยและหน่วยผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Combined Cycle Gas Turbine – CCGT) 3 หน่วย คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 3,645 เมกะวัตต์ โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement -- PPA) กับ กฟผ. ระยะเวลา 25 ปี และซื้อก๊าซธรรมชาติจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ภายใต้สัญญาขายก๊าซธรรมชาติ (Gas Sales Agreement -- GSA) ระยะเวลา 25 ปี ส่วนโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ ซึ่งโอนมาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2557 นั้นประกอบด้วยหน่วย CCGT 1 หน่วย ด้วยขนาดกำลังการผลิต 700 เมกะวัตต์ มีสัญญา PPA กับ กฟผ. ระยะเวลา 20 ปี และมี GSA กับ ปตท. ระยะเวลา 20 ปี เช่นกัน
โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและเทคโนโลยีที่ทันสมัยของโรงไฟฟ้าของบริษัทรวมถึงผลงานในการบริหารโรงไฟฟ้าที่เป็นที่ประจักษ์ส่งผลให้โรงไฟฟ้าของบริษัทมีผลการดำเนินงานดีกว่าเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ใน PPA ในปี 2558 โรงไฟฟ้าราชบุรีมีค่าความพร้อมจ่ายของหน่วยพลังความร้อนอยู่ที่ 87.3% ซึ่งดีกว่าเป้าหมายตามสัญญา PPA ที่ 85.0% โดยค่าความร้อนในการผลิตไฟฟ้าของหน่วยพลังความร้อนอยู่ที่ 9,947 บีทียูต่อหน่วย (BTU/kWh) เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ใน PPA สำหรับหน่วยผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในโรงไฟฟ้าราชบุรีก็มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ใน PPA เช่นกัน โดยสามารถดำรงค่าความพร้อมจ่ายที่ระดับเฉลี่ย 84.3% และมีค่าความร้อนในการผลิตไฟฟ้าที่ 7,137 BTU/kWh สำหรับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2559 นั้น โรงไฟฟ้าราชบุรียังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าเป้าหมาย โดยค่าความพร้อมจ่ายของหน่วยพลังความร้อนอยู่ที่ 98.7% สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ใน PPA ที่ 95.5% ในขณะที่มีค่าความร้อนอยู่ที่ 9,934 BTU/kWh ส่วนค่าความพร้อมจ่ายของหน่วยผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมอยู่ที่ 91.9% ดีกว่าเป้าหมายที่ 88.5% และมีค่าความร้อนอยู่ที่ 7,140 BTU/kWh ทั้งนี้ ค่าความพร้อมจ่ายที่สูงดังกล่าวเป็นตัวชี้วัดว่าโรงไฟฟ้าราชบุรีได้รับค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment -- AP) เต็มจำนวนตามที่กำหนดไว้ในสัญญา อย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ประสบกับปัญหาด้านเทคนิคบางประการทำให้ผลการดำเนินงานต่ำกว่าเป้าหมาย โดยโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้มีค่าความพร้อมจ่ายที่ 64.2% ในปี 2558 และ 58.5% สำหรับ 3 เดือนแรกของปี 2559 สำหรับค่าความร้อนของโรงไฟฟ้าอยู่ที่ 7,204 BTU/kWh ในปี 2558 และ 7,233 BTU/kWh สำหรับ 3 เดือนแรกของปี 2559 แม้ว่าผลการดำเนินงานจะต่ำกว่าคาด แต่ก็มิได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนักเนื่องจากโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้มีกำไรคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยของบริษัท
ในปี 2558 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 12% เป็น 54,618 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้เต็มปี สำหรับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทมีรายได้ 12,579 ล้านบาท บริษัทมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 บริษัทมีเงินกู้รวม 7,640 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ 22.2% เงินกู้รวมของบริษัทประกอบด้วยเงินกู้ระยะสั้นจากบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้งมูลค่า 5,660 ล้านบาทและหุ้นกู้ที่ออกจำหน่ายในปี 2558 มูลค่า 2,000 ล้านบาท บริษัทมีกระแสเงินสดต่อภาระหนี้ที่แข็งแกร่ง สำหรับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2559 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทอยู่ที่ 26.8 เท่า ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 87.4%
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html