ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ Petroleum Trading Lao Public Company (PTL) ที่ระดับ “BB” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าน้ำมันปิโตรเลียมในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) ตลอดจนการมีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันสำเร็จรูปทั่วประเทศ และการมีเครื่องหมายการค้าที่เป็นที่รู้จัก อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่ผู้ประกอบการรายใหม่สามารถเข้ามาแข่งขันได้ง่าย รวมถึงการแข่งขันจากผู้ลักลอบนำเข้าน้ำมัน และความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมันสำหรับธุรกิจส่งออก (Re-export)
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะทางการตลาดในธุรกิจการค้าน้ำมันสำเร็จรูปใน สปป. ลาวในปัจจุบันเอาไว้ได้ และคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ในช่วงที่ขยายธุรกิจ
ปัจจัยที่มีผลในเชิงลบต่ออันดับเครดิตของบริษัท ได้แก่ ค่าการตลาดของบริษัทที่ปรับลดลงอย่างมากจากความผันผวนของราคาน้ำมันในธุรกิจส่งออก หรือสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงไปอย่างมากจากการใช้เงินกู้จำนวนมากเพื่อขยายธุรกิจของบริษัท
ในขณะที่ปัจจัยที่มีผลในเชิงบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัท ได้แก่ การที่บริษัทสามารถสร้างกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทไม่ลดลงไปกว่าระดับปัจจุบัน
PTL ก่อตั้งในปี 2551 เพื่อนำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมใน สปป. ลาว บริษัทเปิดสถานีบริการน้ำมันแห่งแรกในปี 2552 ภายใต้เครื่องหมายการค้า "PLUS" และในปี 2557 บริษัทได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว (Lao Securities Exchange -- LSX) กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทคือครอบครัวของ Mr. Chanthone Sitthixay ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของ Phongsavanh Group ณ เดือนธันวาคม 2558 ครอบครัวของ Mr. Chanthone Sitthixay ถือหุ้น 73.8% ในขณะที่หุ้นส่วนที่เหลือถือโดยนักลงทุนอื่น ๆ ณ สิ้นปี 2558 บริษัทมีสถานีบริการน้ำมันสำเร็จรูปที่ดำเนินงานภายใต้เครื่องหมายการค้า “PLUS” จำนวน 102 แห่ง
บริษัทมีโครงสร้างทางธุรกิจในระดับปานกลาง โดยบริษัทนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากโรงกลั่นน้ำมันในประเทศไทยและนำมาจำหน่ายผ่านช่องทางต่าง ๆ ของบริษัทใน สปป. ลาว โดยในปี 2558 ประมาณ 2 ใน 3 ของน้ำมันสำเร็จรูปที่บริษัทจำหน่ายนั้นซื้อมาจากโรงกลั่นน้ำมัน IRPC และส่วนที่เหลืออีกประมาณ 1 ใน 3 สั่งซื้อจาก Chevron ESSO และ Shell สำหรับปี 2558 บริษัทจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปประมาณ 42% ผ่านสถานีบริการน้ำมัน “PLUS” และจำหน่ายโดยตรงให้แก่กลุ่มลูกค้าโครงการและกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมประเภทละ 19% ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 20% จำหน่ายให้แก่ลูกค้ากลุ่มขนส่งและส่งออกไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (เมียนมา) ในส่วนของสถานีบริการน้ำมันของบริษัทนั้นดำเนินงานโดยผู้แทนจำหน่าย (Dealer) ทั้งหมด ดังนั้น บริษัทจะได้รับกำไรจากการนำเข้าและขายส่งน้ำมันสำเร็จรูป ในขณะที่ผู้แทนจำหน่ายจะได้รับกำไรจากการขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูป อย่างไรก็ตาม จากสถานีบริการน้ำมันจำนวน 102 แห่งนั้นมีสถานีที่บริษัทเป็นเจ้าของอยู่ 8 แห่ง โดยสถานีทั้ง 8 แห่งนี้บริษัทจะได้รับรายได้ค่าเช่านอกเหนือจากกำไรจากการขายส่งน้ำมันสำเร็จรูป
บริษัทพยายามสร้างเครื่องหมายการค้าของบริษัทให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่เชื่อถือในกลุ่มลูกค้าด้วยการขยายสถานีบริการน้ำมันสำเร็จรูปไปทั่วประเทศ รวมทั้งจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้ และมีระบบจัดส่งที่ตรงต่อเวลาให้แก่ลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมและลูกค้าโครงการ บริษัทได้ขยายสถานีบริการน้ำมันอย่างรวดเร็วจาก 1 แห่งในปี 2552 เป็น 102 แห่ง ณ สิ้นปี 2558 บริษัทมีอัตราการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ยต่อปีที่ 10.6% โดยเพิ่มขึ้นจาก 98 ล้านลิตรในปี 2554 เป็น 147 ล้านลิตรในปี 2558 ความสำเร็จในตลาดค้าปลีกและค้าส่งน้ำมันสำเร็จรูปทำให้บริษัทเป็นผู้ค้าน้ำมันสำเร็จรูปที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ใน สปป. ลาวมาตั้งแต่ปี 2554 โดยในปี 2558 บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาด 17% สำหรับการค้าน้ำมันสำเร็จรูป ซึ่งเป็นรองจาก Lao State Fuel Company (LSFC) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของ สปป. ลาว โดย LSFC มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 19.7% อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการรายใหม่สามารถเข้ามาแข่งขันในอุตสาหกรรมจำหน่ายน้ำมันได้ง่าย ซึ่งเห็นได้จากจำนวนผู้ค้าน้ำมันสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้นจาก 14 รายในปี 2552 เป็น 26 รายในปี 2559 นอกจากนี้ ผู้ค้าน้ำมันใน สปป. ลาว ยังต้องแข่งขันกับผู้ประกอบการบางรายที่ลักลอบนำเข้าน้ำมันด้วย ทำให้สภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้รุนแรงขึ้น
ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปของบริษัทค่อนข้างผันผวนเนื่องจากความต้องการของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมและลูกค้าโครงการขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีสัดส่วนประมาณ 15%-20% ของปริมาณจำหน่ายในแต่ละปีของบริษัท ในปี 2557 ปริมาณจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปในกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมลดลงถึง 67.9% เป็นผลให้ปริมาณจำหน่ายโดยรวมของบริษัทลดลง 8.9% เหลือ 118 ล้านลิตร อย่างไรก็ตาม ปริมาณจำหน่ายของบริษัทในปี 2558 กลับมาเพิ่มขึ้น 24.7% เป็น 147 ล้านลิตร อันเป็นผลมาจากจำนวนลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นรวมถึงจากการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปของบริษัทที่ช่วยชดเชยปริมาณจำหน่ายผ่านสถานีบริการที่ลดลงในปี 2558
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปใน สปป. ลาว ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันนำเข้าซึ่งสัมพันธ์กับราคาอ้างอิงน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงค์โปร์ (Mean of Platts Singapore: MOPS) ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปนั้นจะถูกควบคุมและปรับปรุงโดยกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของ สปป. ลาว โดยทั่วไปโครงสร้างราคาน้ำมันจะกำหนดกำไรให้แก่ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูป ในช่วงปี 2554-2558 บริษัทมีค่าการตลาดอยู่ระหว่าง 550-650 กีบต่อลิตร หรือประมาณ 2.1-2.7 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าค่าการตลาดในประเทศไทย สำหรับอัตรากำไร (จากการคำนวณอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทอยู่ระหว่าง 3.6%-6.6% ในช่วงเดียวกัน ส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทอยู่ระหว่าง 38,091 ล้านกีบ (ประมาณ 144 ล้านบาท) ในปี 2554 และเป็น 57,419 ล้านกีบ (ประมาณ 239 ล้านบาท) ในปี 2558 ซึ่งเมื่อเทียบกับ EBITDA ของผู้ประกอบการในประเทศไทยแล้ว ยังถือว่ามีขนาดค่อนข้างเล็ก อย่างไรก็ตาม โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยบริษัทมีเงินกู้รวมเพิ่มขึ้นจาก 75,801 ล้านกีบ (ประมาณ 287 ล้านบาท) ณ สิ้นปี 2554 เป็น 175,245 ล้านกีบ (ประมาณ 729 ล้านบาท) ณ สิ้นปี 2558 โดยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นนี้บริษัทนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรวมถึงใช้ซื้อสินทรัพย์เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายของบริษัท แม้ว่าบริษัทจะมีเงินกู้รวมเพิ่มขึ้น แต่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนดีขึ้นจาก 44.2% ณ สิ้นปี 2554 เป็น 26.4% ณ สิ้นปี 2558 เนื่องจากมีส่วนทุนเพิ่มขึ้นจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนในปี 2557 โดยบริษัทสามารถเพิ่มทุนได้ประมาณ 147,639 ล้านกีบ (ประมาณ 613 ล้านบาท) ในปี 2557 บริษัทมีความสามารถในการชำระหนี้และสภาพคล่องเป็นที่น่าพอใจ โดยมีอัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ระหว่าง 3.2-4.5 เท่าในช่วงปี 2555-2558 ในขณะที่มีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ประมาณ 16.1%-22.4%
สำหรับปี 2559-2563 บริษัทมีแผนจะเร่งขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันโดยจะเปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่จำนวน 34 แห่งต่อปีโดยเฉลี่ย นอกจากนี้ จากวิสัยทัศน์ของบริษัทที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการค้าน้ำมันในภูมิภาค บริษัทจึงมีแผนนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากผู้ค้าน้ำมันในตะวันออกกลางและนำมาจำหน่ายให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา ไทย เวียดนาม และจีนตอนใต้ด้วย โดยบริษัทจะอาศัยเงื่อนไขการค้าที่ได้รับจากผู้จำหน่ายน้ำมันมาเป็นเครื่องมือในการขยายตลาดใหม่ ๆ บริษัทคาดว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปของบริษัทจะเติบโตขึ้นกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของบริษัทยังคงต้องมีการติดตามเนื่องจากบริษัทจะมีความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่ผันผวนรวมถึงความเสี่ยงทางด้านเครดิตของลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html