ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (SPI) ที่ระดับ “AA” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะการเป็นบริษัทโฮลดิ้งหลักของกลุ่มสหพัฒน์ ตลอดจนสัดส่วนการลงทุนที่หลากหลายในบริษัทด้านสินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มสหพัฒน์ และการมีเครือข่ายที่เข้มแข็ง ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงนโยบายทางธุรกิจที่ระมัดระวังและสภาพคล่องทางการเงินที่เข้มแข็งจากการมีเงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้า และอาหารที่บริษัทในกลุ่มต้องเผชิญ
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังและการรักษาสภาพคล่องทางการเงินในระดับสูงของบริษัท ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่ากลุ่มสหพัฒน์จะยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและดำรงสถานะผู้นำในตลาดหลักได้อย่างต่อเนื่อง อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มหากผลประกอบการของกลุ่มสหพัฒน์ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากและสามารถเพิ่มกระแสเงินสดของบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ อันดับเครดิตอาจลดลงหากรายได้จากเงินปันผลของบริษัทลดลงอย่างมากจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอของกลุ่มสหพัฒน์ หรือบริษัทมีการใช้นโยบายการก่อหนี้จำนวนมาก
บริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้งก่อตั้งในปี 2515 โดยตระกูลโชควัฒนา โดย ณ เดือนมีนาคม 2559 ตระกูลโชควัฒนาถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมในบริษัทจำนวน 71% บริษัทเป็นบริษัทโฮลดิ้งหลักของกลุ่มสหพัฒน์ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทด้านสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศไทย โดยกลุ่มสหพัฒน์ทำการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่หลากหลายรวมถึง อาหาร เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องสำอาง และอื่น ๆ กลุ่มสหพัฒน์ได้พัฒนาเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการผลิตและจัดจำหน่าย กลุ่มสหพัฒน์มักจะร่วมลงทุนกับพันธมิตรต่าง ๆ และได้สร้างความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับหุ้นส่วนทางธุรกิจจำนวนมากทั้งชาวไทยและต่างประเทศโดยหลายรายเป็นบริษัทขนาดใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าในเครือสหพัฒน์จะดำเนินการโดย บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ในปี 2558 รายได้ของกลุ่มสหพัฒน์ที่ผ่านบริษัทจัดจำหน่ายหลัก 3 รายมีมูลค่ามากกว่า 50,000 ล้านบาทจากการขายสินค้าทั่วประเทศ โดยสินค้าของบริษัทประกอบด้วยตราสินค้าชั้นนำจำนวนมากในหลากหลายตลาด เช่น มาม่า วาโก้ เปา เอสเซ้นซ์ มิสทีน บีเอสซี ฯลฯ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งท้าทายความสามารถของกลุ่มสหพัฒน์ในการรักษาสถานะทางการตลาดและประสิทธิภาพการดำเนินงานของตนเอาไว้
บริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้งให้บริการแก่บริษัทในกลุ่มในด้านการลงทุนแบบครบวงจร โดยบริษัทให้บริการโรงงานให้เช่าและสาธารณูปโภคสำหรับบริษัทในกลุ่มที่ตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรม รวมทั้งให้บริการที่ปรึกษาด้านการลงทุนให้การช่วยเหลือทางการเงิน และบริการด้านอื่น ๆ
ปัจจุบันบริษัทให้บริการสวนอุตสาหกรรมและลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ในกลุ่มสหพัฒน์จำนวน 155 แห่ง โดยรายได้หลักมาจากรายได้ค่าเช่าและค่าสาธารณูปโภคจากสวนอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดของบริษัทมาจากเงินปันผลจากการลงทุนในบริษัทต่าง ๆ เป็นหลัก ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 บริษัทจำนวน 23 แห่งจาก 155 แห่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 1 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และ 1 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว โครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มสหพัฒน์ช่วยทำให้บริษัทได้ประโยชน์จากการมีแหล่งเงินปันผลที่หลากหลายซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จากสถิติในอดีตสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทมีรายได้จากเงินปันผลในระดับที่สม่ำเสมอแม้ว่าบริษัทจะไม่มีอำนาจเต็มในการกำหนดนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทที่เกี่ยวข้องดังกล่าวก็ตาม
ในปี 2558 จำนวนประมาณกึ่งหนึ่งของบริษัทที่เกี่ยวข้องมีการจ่ายเงินปันผลให้แก่บริษัท ซึ่งบริษัทที่จ่ายเงินปันผลมากที่สุด 5 อันดับแรกคิดเป็นสัดส่วน 54% ของเงินปันผลทั้งหมดที่บริษัทได้รับ โดยบริษัทที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด
สำหรับธุรกิจสวนอุตสาหกรรมนั้น บริษัทให้บริการสวนอุตสาหกรรม 4 แห่งซึ่งส่วนใหญ่ใช้รองรับธุรกิจด้านการผลิตของกลุ่ม โดยรายได้หลักของธุรกิจสวนอุตสาหกรรมมาจากรายได้ค่าสาธารณูปโภคและค่าบริการอื่น ๆ ส่วนรายได้จากการขายที่ดินมีจำนวนน้อยเนื่องจากบริษัทมีการขายที่ดินให้แก่บริษัทนอกกลุ่มน้อยมาก กระแสเงินสดจากธุรกิจสวนอุตสาหกรรมทั้งหมดใช้เป็นค่าใช้จ่ายการดำเนินงานและบริหารของบริษัท
ในปี 2558 รายได้ของบริษัทลดลง 1.9% สู่ระดับ 4,100 ล้านบาทเนื่องจากการปรับตัวลงของรายได้ค่าสาธารณูปโภคจากราคาค่าไฟฟ้าและค่าไอน้ำที่ลดลงตามราคาน้ำมันและก๊าซ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สู่ระดับ 1,222 ล้านบาทเนื่องจากบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการขายที่ดินในสวนอุตสาหกรรมและเงินปันผลรับจากการลงทุน
บริษัทมีงบดุลที่แข็งแกร่ง แม้ว่าเงินกู้ทั้งหมดซึ่งรวมภาระการค้ำประกันให้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้องจะเพิ่มขึ้นจาก 1,572 ล้านบาทในปี 2557 เป็น 1,921 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 แต่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 8.4% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 ทั้งนี้ การลงทุนของบริษัทในแต่ละโครงการจะไม่ใช้เงินจำนวนมากเนื่องจากแนวทางในการลงทุนของบริษัทจะเป็นการร่วมทุนกับหุ้นส่วนที่มีความชำนาญและใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในการบริหารโครงการ นอกจากนี้ ในแต่ละโครงการจะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทหลายแห่งในกลุ่มด้วย
สภาพคล่องของบริษัทยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เงินปันผลรับเป็นกระแสเงินสดที่ใช้สำหรับลงทุนและกิจกรรมทางการเงิน โดยเงินปันผลนั้นใกล้เคียงกับเงินทุนจากการดำเนินงาน ในปี 2558 เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 830 ล้านบาทจากระดับ 758 ล้านบาทในปี 2557 เนื่องจากได้รับเงินปันผลสูงขึ้น ในไตรมาสแรกของปี 2559 เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ 543 ล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมปรับลดลงจาก 48.2% ในปี 2557 เป็น 42.7% ในปี 2558 แต่ปรับตัวดีขึ้นเป็น 55.8% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ในไตรมาสแรกของปี 2559 ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ต่อดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวเพิ่มจาก 13.7 เท่าในปี 2557 เป็น 17.2 เท่าในปี 2558 และ 24.5 เท่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าบริษัทจะต้องชำระหนี้จำนวน 550 ล้านบาท โดยหนี้จำนวน 250 ล้านบาทเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้น เมื่อพิจารณาถึงขนาดของเงินทุนจากการดำเนินงานแล้ว บริษัทมีการจัดการสภาพคล่องที่ดี นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถขายที่ดินเพิ่มเติมเพื่อเสริมสภาพคล่องได้อีกหากต้องการเงินทุนสำหรับการลงทุนขนาดใหญ่ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 บริษัทมีพื้นที่ว่างรอการขายในสวนอุตสาหกรรมทั้ง 3 แห่งจำนวน 1,545 ไร่ และมีวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 2,190 ล้านบาท ความคล่องตัวทางการเงินของบริษัทได้รับการสนับสนุนจากสภาพคล่องของการลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ทั้งนี้ มูลค่าตลาดของเงินลงทุนของบริษัทในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 25 แห่งคิดเป็น 16,617 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 โดยบริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อมูลค่าตลาดของเงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ระดับ 12%
ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มสหพัฒน์จะปรับเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยรายได้ของบริษัทจะสามารถเติบโตได้ในระดับ 3% ต่อปี ทั้งนี้ คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะยังคงต่ำกว่า 10% จากแผนการลงทุนประมาณ 600 ล้านบาทต่อปี สภาพคล่องของบริษัทจึงคาดว่าจะอยู่ในระดับที่สม่ำเสมอ โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 50% และ EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ระดับ 15 เท่า
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html