ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดของบริษัทที่เป็นที่ยอมรับในธุรกิจค้าถ่านหินในประเทศ และฐานการตลาดที่มีการกระจายตัวในระดับหนึ่ง การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงกลยุทธ์ของบริษัทในการจัดหาถ่านหินและการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนโดยการใช้เงินจ่ายล่วงหน้าและเงินประกันค่าสินค้ารวมไปถึงการมีเหมืองถ่านหินของตนเองในประเทศอินโดนีเซียด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากประสบการณ์ในการบริหารจัดการเหมืองที่ยังมีไม่นาน รวมทั้งจากลักษณะความผันผวนของผลการดำเนินงานและการแข่งขันที่สูงในตลาดค้าถ่านหิน ความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบในประเทศอินโดนีเซีย และความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนจำนวนมากของบริษัท
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันและสถานะทางการตลาดในธุรกิจค้าถ่านหิน อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นหากอุตสาหกรรมถ่านหินมีแนวโน้มดีขึ้นหรือการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของเหมืองของบริษัทส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น และทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดส่วนเกินสำหรับรองรับการชำระหนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากราคาถ่านหินลดลงอย่างต่อเนื่องจนส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทต่ำกว่าความคาดหมาย ในขณะเดียวกันการลงทุนโดยใช้เงินกู้จำนวนมากซึ่งส่งผลให้สถานะการเงินของบริษัทอ่อนแอลงและทำให้กระแสเงินสดส่วนเกินที่รองรับการชำระหนี้ลดลงเป็นระยะเวลานานก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลให้อันดับเครดิตของบริษัทถูกปรับลดลง
บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางในธุรกิจค้าถ่านหินในประเทศไทย ซึ่งก่อตั้งโดยครอบครัวพิหเคนทร์และครอบครัวคำดีในปี 2550 ในชื่อเดิมคือ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เพอร์เฟค จำกัด ในปี 2553 บริษัทได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยอ้อม (Back-door Listing) โดยการซื้อกิจการของ บริษัท แอ๊ดว้านซ์เพ้นท์ แอนด์ เคมิเคิล (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และบริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) โดยมีบริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เพอร์เฟค เป็นบริษัทย่อย บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในปี 2550 และย้ายมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2557 บริษัทยังได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี (Dual Listing) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 บริษัทมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือครอบครัวพิหเคนทร์และครอบครัวคำดีซึ่งถือหุ้นรวมกันในสัดส่วนประมาณ 44% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท
ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 2550 ปริมาณการขายถ่านหินของบริษัทและฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2558 บริษัทขายถ่านหินมากกว่า 10 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 23% จากปี 2557 และเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการขายถ่านหินจำนวนไม่ถึง 1 ล้านตันในปี 2553 แหล่งถ่านหินหลักของบริษัทมาจากเหมืองในประเทศอินโดนีเซีย บริษัทซื้อถ่านหินโดยตรงจากเหมืองเหล่านี้ด้วยเงินจ่ายล่วงหน้าและเงินประกันค่าสินค้า ปัจจุบันบริษัทขายถ่านหินใน 7 ประเทศ เช่นประเทศจีน ไทย เกาหลีใต้ อินเดีย และไต้หวัน ในปี 2554 บริษัทได้ซื้อบริษัทเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนและเพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านการจัดหาถ่านหิน ทั้งนี้ เหมืองดังกล่าวมีปริมาณสำรองถ่านหิน 7.4 ล้านตันซึ่งบริษัทได้ทยอยขุดและจำหน่ายหมดแล้วในปี 2557 หลังจากนั้น บริษัทได้ซื้อสิทธิการขุดถ่านหินเพิ่มรวมถึงซื้อหุ้นของบริษัทเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียอีก 1 แห่งรวมมูลค่าทั้งสิ้น 238 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 8,395 ล้านบาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 35.24 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 บริษัทมีปริมาณสำรองถ่านหินจาก 2 เหมืองดังกล่าวรวม 83 ล้านตัน นอกจากนี้ บริษัทยังจ่ายเงินล่วงหน้าและจ่ายเงินประกันค่าสินค้าให้แก่เจ้าของเหมืองผู้จัดส่งถ่านหินส่วนใหญ่ของบริษัทเพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านการจัดหาถ่านหินอีกด้วย ในส่วนของการจำหน่ายถ่านหินนั้น ประเทศจีนยังเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทซึ่งคิดเป็น 63% ของยอดขายรวมในปี 2558 ตามด้วยประเทศไทยและเกาหลีใต้ที่สัดส่วน 26% และ 6% ของยอดขายรวมตามลำดับ การขายถ่านหินในต่างประเทศของบริษัทเกือบทั้งหมดเป็นการขายให้แก่โรงไฟฟ้าถ่านหิน ในขณะที่การขายในประเทศส่วนใหญ่เป็นการขายให้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของการขายในประเทศ หรือ 8% ของยอดขายรวมในปี 2558
ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงปี 2556-2558 ได้รับแรงกดดันจากราคาถ่านหินที่ลดลงอันเนื่องมาจากภาวะอุปทานส่วนเกินในอุตสาหกรรมถ่านหิน ในขณะที่ความต้องการใช้ถ่านหินทั่วโลกยังอ่อนแอท่ามกลางความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน แม้ว่าปริมาณการขายของปี 2558 จะเพิ่มขึ้น 29% จากปี 2556 แต่อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทปรับตัวลดลงจาก 17.7% ในปี 2556 มาอยู่ที่ 9.7% ในปี 2558 และ 11.1% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2559 ทั้งนี้ การปรับตัวลดลงดังกล่าวอีกส่วนหนึ่งยังมาจากการที่บริษัทไม่มีถ่านหินต้นทุนต่ำที่ขุดจากเหมืองของตัวเองเนื่องจากแหล่งถ่านหินถูกขุดและจำหน่ายหมดแล้วในปี 2557
ราคาถ่านหินที่ลดลงรวมถึงภาระหนี้ที่สูงขึ้นของบริษัทจากความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนที่สูงและการลงทุนในเหมืองถ่านหินส่งผลให้เงินทุนจากการดำเนินงานลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 1,122 ล้านบาทในปี 2558 จากที่เคยทำได้สูงสุด 1,835 ล้านบาทในปี 2556 การลงทุนที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตของบริษัททำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงขึ้นจาก 52% ในปี 2554 เป็น 69% ในปี 2557 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 62% เท่ากันในปี 2558 และ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 อัตราเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทดีขึ้นเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของฐานทุนจากการที่บริษัทซื้อหุ้นของบริษัทเหมืองในอินโดนีเซียโดยการชำระค่าหุ้นเป็นหุ้นออกใหม่ (Share Swap) หนี้สินส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นหนี้สินระยะสั้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าบริษัทยังสามารถบริหารจัดการการกู้เงินใหม่ได้ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทอยู่ที่ระดับประมาณ 6% ในปี 2558 และในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2559 (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 12 เดือน) ลดลงจาก 21.6% ในปี 2556 และ 11.5% ในปี 2557 ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย (EBITDA Interest Coverage Ratio) อยู่ที่ 2.7 เท่าในปี 2558 และ 2.3 เท่าในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2559
ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทจะลดลงในปี 2559 เนื่องจากบริษัทไม่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนมากเหมือนในปี 2558 อย่างไรก็ตาม เงินทุนจากการดำเนินงานในช่วงปี 2560-2561 จะปรับตัวดีขึ้นเป็นประมาณปีละ 1,300-1,500 ล้านบาทภายใต้สมมติฐานในกรณีฐาน ที่ต้นทุนจะลดลงจากแผนการจำหน่ายถ่านหินจากเหมืองของบริษัทเองบางส่วน ในช่วงปี 2559-2561 บริษัทมีแผนลงทุนรวม 1,300 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในการพัฒนาเหมืองที่ซื้อมาและท่าเรือเล็กสำหรับใช้ในการขนส่ง โครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับแต่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงจากแผนการลงทุนและการจ่ายเงินปันผล อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 7% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย (EBITDA Interest Coverage Ratio) คาดว่าจะอยู่ในระดับ 2-3 เท่า
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html