ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (EGATi) ที่ระดับ “AAA” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อดำเนินการลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าและจัดหาพลังงานในต่างประเทศ อันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนถึงการดำเนินงานที่เป็นส่วนหนึ่งของ กฟผ. และการมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกลยุทธ์ระยะยาวของ กฟผ. ในด้านการจัดหาพลังงานไฟฟ้าที่เพียงพอสำหรับประเทศด้วย นอกจากนี้ ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการที่บริษัทได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก กฟผ. ด้วยเช่นกัน
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย กฟผ. และยังคงมีบทบาทที่สำคัญต่อ กฟผ. ในการแสวงหาพลังงานไฟฟ้าจากต่างประเทศมาใช้ในประเทศไทย
ปัจจัยที่อาจมีผลในเชิงลบต่ออันดับเครดิตของบริษัท ได้แก่ ความน่าเชื่อถือของ กฟผ. ที่ลดลง ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและ กฟผ. ที่เปลี่ยนไป หรือการสนับสนุนจาก กฟผ. ที่ลดลง เป็นต้น
บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จัดตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2550 โดยมีวัตถุประสงค์เริ่มแรกเพื่อเป็นตัวแทนของ กฟผ. ในการเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าที่เป็นโครงการระหว่างรัฐในประเทศเพื่อนบ้าน บริษัทมี กฟผ. เป็นผู้ถือหุ้น 100% ตั้งแต่วันจัดตั้ง ทั้งนี้ กฟผ. เป็นรัฐวิสาหกิจสำคัญที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหาพลังงานไฟฟ้าให้แก่ประเทศไทยทั้งในด้านการผลิตไฟฟ้าและระบบสายส่งทั้งหมด ณ เดือนมิถุนายน 2559 กฟผ. เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าคิดเป็น 40% ของกำลังการผลิตของประเทศ ในขณะที่กำลังการผลิตส่วนที่เหลืออีก 60% นั้นเป็นของโรงไฟฟ้าเอกชน ซึ่ง กฟผ. เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าแต่เพียงผู้เดียว นอกจากนี้ กฟผ. ยังเป็นเจ้าของและเป็นผู้บริหารระบบสายส่งไฟฟ้าของประเทศทั้งหมดด้วย กฟผ. จำหน่ายไฟฟ้าส่วนใหญ่ให้แก่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จากบทบาทที่สำคัญของ กฟผ. ต่ออุตสาหกรรมไฟฟ้าของประเทศไทย รวมถึงบทบัญญัติต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2511 ส่งผลให้ความน่าเชื่อถือของ กฟผ. ใกล้เคียงกับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยเป็นอย่างมาก
จากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2558-2579 (PDP2015) ประเทศไทยจะต้องนำเข้าไฟฟ้ารวม 12,347 เมกะวัตต์ ณ สิ้นแผนปี 2579 ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 เมกะวัตต์จากระดับปัจจุบัน โดยสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้านำเข้านั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระยะ 20 ปีข้างหน้า จาก 6% ณ สิ้นปี 2557 เป็น 18% ณ สิ้นปี 2579 ดังนั้น เพื่อความมั่นคงของการมีแหล่งพลังงานไฟฟ้าระยะยาวของประเทศ บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนลจึงมีพันธกิจในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อจัดส่งไฟฟ้าให้แก่ประเทศไทยโดยมี กฟผ. เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่หรือแต่เพียงผู้เดียว
ปัจจุบันบริษัทมีแผนลงทุนในโรงไฟฟ้า 3 โครงการในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (เมียนมา) และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (เวียดนาม) โดยมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 4,609 เมกะวัตต์ บริษัทมีนโยบายในการเข้าร่วมทุนประมาณ 30%-40% ในแต่ละโครงการ ซึ่งใน 3 โครงการดังกล่าว โครงการไฟฟ้าพลังน้ำน้ำเงี้ยบ 1 (น้ำเงี้ยบ 1) ซึ่งตั้งอยู่ใน สปป. ลาว มีความคืบหน้ามากที่สุด โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตไฟฟ้าได้ในปี 2562 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 โครงการมีความคืบหน้า 45% ซึ่งเร็วกว่าแผนงานประมาณ 2% โครงการน้ำเงี้ยบ 1 มีกำลังการผลิตติดตั้งขนาด 289 เมกะวัตต์และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 27 ปีกับ กฟผ. โดยจะจัดส่งไฟฟ้ามายังประเทศไทยจำนวน 1,459 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง (หน่วย) ต่อปี บริษัทถือหุ้น 30% ในโครงการนี้และได้ตั้งงบประมาณลงทุนตามสัดส่วนการร่วมทุนในโครงการนี้จำนวน 84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทยังได้เสนอผลการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 1,320 เมกะวัตต์ในประเทศเวียดนาม (โครงการกวางจิ) ด้วย สำหรับโครงการมายตงซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศเมียนมานั้น บริษัทได้ปรับแบบเขื่อนให้เป็น Cascade Dam ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิต 3,000 เมกะวัตต์สำหรับการพัฒนาระยะแรกตามความต้องการของรัฐบาลเมียนมา ซึ่งตามแผนเดิมโครงการนี้จะพัฒนาเป็นโรงไฟฟ้าขนาดกำลังการผลิต 7,000 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน กฟผ. ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงพลังงานของไทยในการจัดเตรียมเงินทุนให้แก่บริษัทสำหรับการลงทุนในโครงการต่าง ๆ จำนวน 17,000 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559 กฟผ. ได้เพิ่มทุนให้แก่บริษัทสำหรับการลงทุนจำนวน 5,218 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนโครงการน้ำเงี้ยบ 1 จำนวน 3,692 ล้านบาทและใช้สำหรับการพัฒนาโครงการมายตงจำนวน 1,526 ล้านบาท
การดำเนินงานของบริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนลนั้นมีความใกล้ชิดและผสานเป็นหนึ่งเดียวกับการดำเนินงานของ กฟผ. และการที่บริษัทเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย กฟผ. ก็ทำให้บริษัทได้รับการสนับสนุนจาก กฟผ. ในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นด้านบุคลากร ระบบการปฏิบัติงาน การถ่ายทอดองค์ความรู้ และการแบ่งปันประสบการณ์ ผู้บริหารและคณะกรรมการของบริษัทก็ได้รับการแต่งตั้งจาก กฟผ. นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายดำเนินงานและเงินลงทุนของบริษัทก็ได้รับการสนับสนุนจาก กฟผ. ด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันบริษัทอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาโครงการนาน 5-10 ปี ดังนั้น จึงคาดว่าบริษัทจะยังคงมีผลการดำเนินงานขาดทุนอย่างน้อยอีก 3 ปีจนกระทั่งโครงการน้ำเงี้ยบ 1 ซึ่งเป็นโครงการลงทุนโครงการแรกของบริษัทจะเริ่มผลิตไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ในปี 2562 อย่างไรก็ตาม ในปี 2559 บริษัทตั้งเป้าหมายจะซื้อหุ้นในสัดส่วนประมาณ 10%-20% ในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรับรู้เงินปันผลจากการลงทุนให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายดำเนินงานของบริษัท นอกจากนี้ การลงทุนยังมีวัตถุประสงค์เพื่อการจัดหาแหล่งถ่านหินให้แก่โรงไฟฟ้าถ่านหินของ กฟผ. และโรงไฟฟ้ากวางจิของบริษัทด้วย โดยการลงทุนนี้จะใช้เงินเพิ่มทุนจาก กฟผ.
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html