นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงแบรนด์สินค้าที่เป็นที่ยอมรับมากขึ้นในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัย ฐานรายได้ค่าเช่าจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า และการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากแผนการขยายธุรกิจเชิงรุกและอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง ตลอดจนความกังวลในระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการที่อยู่อาศัยในระยะสั้นถึงปานกลางอีกด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานให้สอดคล้องกับประมาณการได้ ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้าบริษัทควรรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานให้อยู่ที่ประมาณ 15% และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนควรอยู่ในระดับต่ำกว่า 55% หรืออัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนต่ำกว่า 1 เท่า
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากผลการดำเนินงานและ/หรือสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่เกินกว่า 60% ในช่วงระยะเวลาหนึ่งอาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตได้
บริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ เน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภทบ้านจัดสรรในระดับราคาปานกลาง สินค้าของบริษัทครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ โดยมีราคาขายต่อยูนิตตั้งแต่ 2 ล้านบาทถึง 10 ล้านบาท โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของบริษัทได้ขยายไปยังตลาดบ้านจัดสรรราคาสูงภายหลังจากที่บริษัทได้ซื้อหุ้นทั้งหมดใน บริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (มหาชน) (KLAND) เมื่อปลายปี 2557 ณ เดือนมิถุนายน 2559 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยระหว่างการพัฒนาจำนวน 22 โครงการซึ่งมีมูลค่าโครงการโดยรวม 39,000 ล้านบาท และมีมูลค่าเหลือขาย (รวมทั้งที่ก่อสร้างแล้วและยังไม่ได้ก่อสร้าง) รวมทั้งสิ้น 16,000 ล้านบาท ซึ่งประมาณ 60% ของมูลค่าเหลือขายทั้งหมดอยู่ในโครงการของบริษัทกรุงเทพบ้านและที่ดิน และที่เหลืออยู่ในโครงการของบริษัท
รายได้ของบริษัทเติบโตเป็น 4,058 ล้านบาทในปี 2557 และ 8,520 ล้านบาทในปี 2558 จากประมาณ 1,600 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2555-2556 รายได้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 5,201 ล้านบาทจาก 3,645 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2558 โดยรายได้จากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 3,072 ล้านบาทในปี 2557 อยู่ที่ 7,305 ล้านบาทในปี 2558 และอยู่ที่ 4,697 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 รายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าซึ่งได้แก่อาคารสำนักงานและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์เท่ากับประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และรายได้ของบริษัทในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่าจะอยู่ในช่วง 10,000-14,000 ล้านบาทต่อปีเนื่องจากบริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่จำนวนมากตามกลยุทธ์การเติบโต
อัตรากำไรจากการดำเนินงานซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเป็น 16%-17% ในช่วงปี 2558 ถึงช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 อัตรากำไรสุทธิปรับเป็นบวกที่ 8% ของรายได้ในช่วงปี 2557-2558 และที่ 11% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 เนื่องจากภาวะตลาดที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัวและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง บริษัทยังมีความท้าทายที่จะรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานให้อยู่ที่ประมาณ 15% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าเอาไว้ให้ได้
อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับดีขึ้นเป็น 23% ณ เดือนมิถุนายน 2559 จาก 59% ณ เดือนธันวาคม 2558 อัตราส่วนดังกล่าวในปัจจุบันต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เนื่องจากบริษัทมีการเพิ่มทุนจำนวน 4,971 ล้านบาทในเดือนมกราคม 2559 และมีการให้เช่าช่วงอาคารสำนักงาน Sathorn Square แก่ GVREIT ในเดือนมีนาคม 2559 ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนและการให้เช่าช่วงช่วยลดภาระในการกู้ยืมได้ส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากแผนการขยายธุรกิจแล้ว คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้น โดยที่อัตราส่วนดังกล่าวควรอยู่ในระดับต่ำกว่า 55%
กระแสเงินสดของบริษัทเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 เพิ่มขึ้นเป็น 20% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) จาก 8% ในปี 2558 และ 4% ในปี 2557 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายเท่ากับ 6 เท่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 เพิ่มขึ้นจาก 2-3 เท่าในช่วงปี 2557-2558 ภาระหนี้ที่ครบกำหนดในช่วง 12 เดือนข้างหน้าประกอบด้วยตั๋วเงินจ่ายจำนวน 110 ล้านบาทและเงินกู้โครงการจำนวน 172 ล้านบาท ซึ่งจะมีวงเงินรองรับจากแหล่งต่าง ๆ ได้แก่ เงินสดในมือจำนวน 890 ล้านบาท กระแสเงินสดจากการดำเนินงานประมาณ 1,200-1,500 ล้านบาทต่อปี และวงเงินสินเชื่อซึ่งยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวน 6,800 ล้านบาท
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html