ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 800 ล้านบาทของบริษัทซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนปี 2561 ที่ระดับ “BBB+” ด้วย โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอน อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการมีทางยกระดับที่อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ รวมทั้งการมีความเสี่ยงในการดำเนินงานที่อยู่ในระดับต่ำ และการมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่คาดการณ์ได้ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอต่อการชำระหนี้ของบริษัทแม้จะยังไม่มีความแน่นอนในเรื่องผลของคดีความก็ตาม อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากกระแสเงินสดที่พึ่งพิงทางยกระดับเพียงเส้นทางเดียวและคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ในกรณีแก้ไขสัญญาสัมปทานของบริษัทครั้งล่าสุด
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงผลการดำเนินงานและนโยบายการเงินของบริษัทที่สม่ำเสมอและคาดการณ์ได้ อันดับเครดิตของบริษัทอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีที่ 2 และคดีที่ 3 ตัดสินให้การแก้ไขสัญญาสัมปทานของบริษัทยังคงมีผลผูกพัน ในทางตรงข้าม ผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตจะเกิดขึ้นหากบริษัทมีการกู้ยืมเงินหรือมีการจ่ายเงินปันผลจากกำไรเป็นจำนวนมากจนส่งผลให้ความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทปรับตัวลดลงกว่าระดับที่ยอมรับได้ ทั้งนี้ ผลของการตัดสินคดีที่ไม่เป็นคุณอย่างมีนัยสำคัญอาจส่งผลต่ออันดับเครดิตของบริษัท
บริษัททางยกระดับดอนเมืองก่อตั้งในปี 2531 เพื่อดำเนินการก่อสร้างและให้บริการทางด่วนยกระดับระยะทาง 21 กิโลเมตรเส้นทางจากดินแดงถึงอนุสรณ์สถานแห่งชาติภายใต้สัญญาสัมปทานในระบบ BTO (Build-Transfer-Operate) ซึ่งได้รับสัมปทานจากกรมทางหลวง โดยสัญญาสัมปทานได้รับการแก้ไข 3 ครั้ง การแก้ไขครั้งสุดท้ายดำเนินการเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2550 (MOA3) ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2549 และวันที่ 10 เมษายน 2550 โดยการแก้ไขสัญญาสัมปทานในครั้งสุดท้ายได้มีการชดเชยความเสียหายของบริษัทที่เกิดจากการกระทำของภาครัฐและได้ปรับปรุงเงื่อนไขสัญญาสัมปทานในประเด็นสำคัญ ได้แก่ การขยายอายุสัญญาสัมปทานเพิ่มจากเดิมที่จะสิ้นสุดในปี 2564 เป็นปี 2577 และการกำหนดอัตราค่าผ่านทางไว้ล่วงหน้าตามการแก้ไขสัญญาครั้งก่อน
บริษัทมีกรณีถูกฟ้องร้องเกี่ยวกับการแก้ไขสัญญาสัมปทาน MOA3 ในศาลปกครองจำนวน 3 คดี โดยคดีแรกผู้ฟ้องขอให้เพิกถอนประกาศของผู้อำนวยการทางหลวงสัมปทานฉบับลงวันที่ 14 ธันวาคม 2550 เรื่องอัตราค่าผ่านทางของทางยกระดับ โดยคดีได้รับการพิพากษายกฟ้องจากศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2559 สำหรับคดีที่ 2 ผู้ฟ้องอ้างว่า
มติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติให้บริษัทปรับขึ้นอัตราค่าผ่านทางไม่ชอบด้วยกฎหมายและการต่ออายุสัญญาสัมปทาน MOA3 ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินกิจการของรัฐ โดยศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2555 ส่วนคดีที่ 3 นั้นผู้ฟ้องอ้างว่าประกาศของบริษัทที่แจ้งปรับขึ้นอัตราค่าผ่านทางมีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2552 ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2549 และวันที่ 10 เมษายน 2550 ในการแก้ไขสัญญาสัมปทาน MOA3 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2558 โดยกระทรวงคมนาคมตามที่ได้รับมอบหมายจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2558 และบริษัทได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ปัจจุบันคดีที่ 2 และคดีที่ 3 อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด โดยกระบวนการพิจารณาของศาลจะใช้เวลาระยะหนึ่งจนกว่าจะมีคำตัดสิน ซึ่งการที่บริษัทมีทางยกระดับเป็นสินทรัพย์เพียงอย่างเดียวจะส่งผลกระทบต่อบริษัทเป็นอย่างมากหากศาลตัดสินไปในแนวทางที่ไม่เป็นคุณต่อบริษัท ทั้งนี้ คณะผู้บริหารของบริษัทคาดว่าบริษัทจะได้รับการเยียวยาหรือชดเชยความเสียหายไม่ว่าในกรณีใดใด
บริษัทยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณการจราจรบนทางยกระดับของบริษัทเพิ่มขึ้น 4.9% ในปี 2558 และเพิ่มขึ้น 16.5% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาเนื่องจากการเติบโตอย่างมากของจำนวนผู้โดยสารที่สนามบินดอนเมือง ตลอดจนการขยายตัวของชุมชนตามแนวเส้นทางทางยกระดับ การจราจรที่ติดขัดบนถนนสาธารณะจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงและรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว และราคาน้ำมันที่ลดลง รายได้ของบริษัทยังปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มราคาค่าผ่านทางในเดือนธันวาคม 2557 ด้วย โดยรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 23% ในปี 2558 และ 16.6% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อัตรากำไรจากการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นจาก 78% ในปี 2557 เป็น 84% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ซึ่งส่งผลให้เงินทุนจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก 1,202 ล้านบาทในปี 2557 เป็น 1,651 ล้านบาทในปี 2558 และอยู่ที่ระดับ 945 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ส่วนอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงจากระดับ 48% ในปี 2557 เป็น 43% ณ เดือนมิถุนายน 2559 ตามการไถ่ถอนหุ้นกู้ โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2559 ภาระหนี้ของบริษัทจะลดลงเหลือจำนวน 4,768 ล้านบาท
ในอนาคต ประมาณการรายได้ของบริษัทจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายสนามบินดอนเมืองและการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารที่เดินทางโดยสายการบินต้นทุนต่ำ โดยอัตรากำไรจากการดำเนินงานจะยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมและอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากบริษัทมีแผนจะชำระคืนหุ้นกู้ที่มีอยู่ทั้งหมด ในขณะเดียวกัน ผู้บริหารของบริษัทมีความเห็นว่าบริษัทจะยังคงจ่ายเงินปันผลปีละประมาณ 800-1,000 ล้านบาทตามกระแสเงินสดที่คงเหลือ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนจะจ่ายคืนภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ยทั้งหมดภายในปี 2563 เพื่อลดความเสี่ยงจากผลการตัดสินของศาลที่อาจไม่เป็นคุณต่อบริษัท
บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) (DMT)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
DMT16NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 BBB+
DMT16NB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 BBB+
DMT178A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 250 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB+
DMT17DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,478 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB+
DMT19DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 BBB+
DMT20DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,140 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 BBB+
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2561 BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable