ตามประกาศของ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2559 ซึ่งระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทมีมติอนุมัติการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 735 ล้านหุ้นในวงจำกัดให้แก่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (FPHT) ในราคาหุ้นละ 18 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 13,230 ล้านบาท โดยการขายหุ้นเพิ่มทุนมีเงื่อนไขหลักคือการขออนุมัติผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทโดยอาศัยมติที่ประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท (Whitewash) โดยบริษัทจะจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ
ผู้ถือหุ้นในวันที่ 19 ธันวาคม 2559 ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทยังมีมติให้ยกเลิกแผนการขายสินทรัพย์ให้แก่กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) มูลค่า 1,443 ล้านบาทในช่วงปลายปี 2559 ด้วย บริษัทวางแผนจะนำเงินสองในสามส่วนของเงินเพิ่มทุนที่จะได้รับไปใช้ในการชำระหนี้เงินกู้ของบริษัท ส่วนที่เหลือจะสำรองไว้ใช้สำหรับการลงทุนของบริษัท
FPHT เป็นบริษัทย่อยของ Frasers Centerpoint Ltd. (FCL) ซึ่งเป็นบริษัทอยู่ภายใต้การบริหารของตระกูล
สิริวัฒนภักดี FCL เป็นหนึ่งในบริษัทที่เป็นผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศสิงคโปร์ FCL ยังเป็นบริษัทจดทะเบียนบนกระดานหลักในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (The Singapore Exchange Securities Trading Ltd.) อีกด้วย FCL ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่พักอาศัย เพื่อการพาณิชย์ การค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมในประเทศสิงคโปร์และออสเตรเลีย รวมถึงธุรกิจบริการ (Hospitality) ครอบคลุมมากกว่า 80 เมือง นอกจากนี้ FCL ยังมีธุรกิจระหว่างประเทศที่เน้นการลงทุนของกลุ่มบริษัทในประเทศจีน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศสหราชอาณาจักรอีกด้วย ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 2,251.6 ล้านเหรียญสิงคโปร์ในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2559 สิ้นสุด ณ เดือนมิถุนายน 2559
ทริสเรทติ้งมีมุมมองเชิงบวกต่อการประกาศแผนเพิ่มทุนของบริษัทในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม แผนการเพิ่มทุนนี้ยังคงขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท หากการเพิ่มทุนโดยกลุ่ม FPHT ประสบความสำเร็จจะส่งผลทำให้โครงสร้างทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในปี 2560 เนื่องจากเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ส่วนใหญ่บริษัทจะนำไปใช้ในการชำระคืนหนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนหลังการเพิ่มทุนคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นไปอยู่ที่ระดับประมาณ 40% ในปี 2560 ซึ่งต่ำกว่าระดับปัจจุบันที่ 63% FPHT จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทโดยถือหุ้นทั้งหมด 40% ของบริษัท ขณะที่ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมจะถือหุ้นในบริษัทในสัดส่วน 26.1% ลดลงจากเดิมที่ 43.6% ผู้ถือหุ้นใหม่ (FPHT) จะมีอิทธิพลต่อทิศทางการดำเนินงานของบริษัทในอนาคตเนื่องจาก FPHT จะมีตัวแทนเป็นกรรมการ 3 คนจากคณะกรรมการของบริษัทที่มีอยู่ 8 คนและ FPHT จะส่งตัวแทนมาเข้าร่วมเป็นผู้บริหารของบริษัทอีกด้วย ดังนั้น ผลดีต่ออันดับเครดิตของบริษัทจะขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการลดหนี้ ทิศทางธุรกิจ และนโยบายทางการเงินตลอดจนผลการดำเนินงานของบริษัทหลังจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ
ปัจจุบันทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทไทคอน อินดัสเทรียล
คอนเน็คชั่น ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” -- จบ