ทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “BBB” จาก “BBB-” พร้อมทั้งเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น “Stable” หรือ “คงที่” จากเดิม “Positive” หรือ “บวก” โดยการปรับเพิ่มอันดับเครดิตสะท้อนผลการดำเนินงานของบริษัทซึ่งมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากแรงหนุนของสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในงานก่อสร้างอาคารสูง การพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงมูลค่างานในมือที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูงและสภาพคล่องที่เพียงพอของบริษัทด้วย ทั้งนี้ อันดับเครดิตถูกลดทอนลงจากลักษณะงานก่อสร้างที่ไม่ค่อยมีความหลากหลายและการมีลูกค้าน้อยราย รวมถึงลักษณะที่ผันผวนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในส่วนของงานก่อสร้างซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทเอาไว้ได้ อีกทั้งยังรักษาความสามารถในการทำกำไรและสถานะทางการเงินไว้ได้ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ ทั้งนี้ การลงทุนเพิ่มเติมในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าไม่น่าจะทำให้สภาพคล่องและระดับการก่อหนี้ของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ
การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากสถานะการเงินของบริษัทด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจเกิดจากความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง หรือต้นทุนที่สูงกว่าคาด หรือการลงทุนที่มากเกินไป การปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทยังมีข้อจำกัดในระยะสั้น แต่อาจเกิดขึ้นได้หากบริษัทสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหรือประสบความสำเร็จในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า
บริษัทซินเท็ค คอนสตรัคชั่น ก่อตั้งในปี 2531 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2536 บริษัทเป็นผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างที่มีความเชี่ยวชาญในงานก่อสร้างอาคารสูงเพื่อที่พักอาศัยและเพื่อการพาณิชย์ในภาคเอกชนซึ่งส่วนมากอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ณ เดือนกันยายน 2559 ตระกูลพหูสูตรเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทโดยถือหุ้นในสัดส่วน 24% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด นอกจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทแล้ว บริษัทยังขยายธุรกิจไปสู่อสังหาริมทรัพย์ให้เช่าผ่านทางบริษัทย่อยเพื่อมุ่งสร้างรายได้ประจำในรูปค่าเช่าและบริการอีกด้วย
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสะท้อนผลการดำเนินงานของบริษัทที่มีพัฒนาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้และกำไรของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่งนับตั้งแต่ปี 2556 และทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2558 ซึ่งผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นมาจากสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในงานก่อสร้างอาคารสูงโดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยซึ่งสร้างรายได้หลักให้แก่บริษัท บริษัทยังคงได้รับงานโครงการใหม่ๆ จากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำอย่างต่อเนื่องโดยได้แรงหนุนจากความได้เปรียบในการแข่งขันด้านต้นทุนและผลงานที่ได้การยอมรับ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและมีสถานะทางการเงินที่ดี อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการพึ่งพิงโครงการคอนโดมิเนียมของลูกค้าจำนวนไม่กี่ราย โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทรับรู้รายได้จากโครงการของ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นลูกค้ารายสำคัญในสัดส่วนประมาณ 1 ใน 4 ของรายได้ต่อปี ในขณะเดียวกัน โครงการที่รับรู้รายได้สูงสุดของบริษัทในแต่ละปีคิดเป็นสัดส่วน 10%-15% ของรายได้ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงลูกค้าจำนวนน้อยรายดังกล่าวได้รับการชดเชยจากความน่าเชื่อถือของลูกค้าซึ่งมีความเสี่ยงจากการชำระเงินค่าก่อสร้างในระดับที่ยอมรับได้ บริษัทและบริษัทอื่นๆ ที่อยู่ในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างต่างก็ได้รับผลกระทบจากลักษณะที่ผันผวนของธุรกิจ ทั้งนี้ วัฏจักรของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างได้รับผลกระทบจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นสำคัญ ซึ่งความผันผวนของความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีค่อนข้างสูงอาจจะกระทบต่อความมั่นคงของรายได้ของบริษัท
บริษัทขยายไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าเพื่อมุ่งหวังกระจายแหล่งรายได้ โดยได้ซื้อสิทธิการเช่า Natural Ville Residence ซึ่งเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ที่ตั้งอยู่บนถนนหลังสวนในกรุงเทพฯ ในช่วงปลายปี 2556 นอกจากนั้น บริษัทยังพัฒนาโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์อีก 3 แห่งในจังหวัดชลบุรีและปราจีนบุรีด้วย โดย Citadines Grand Central Sriracha ซึ่งเป็นโครงการแรกได้เปิดตัวไปในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 ส่วนโครงการที่เหลืออยู่ระหว่างรอการพัฒนา บริษัทยังคงขยายธุรกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่องโดยได้ซื้อสินทรัพย์ของ Eight Thonglor Residences ซึ่งเป็นโครงการใช้พื้นที่แบบผสมผสาน (Mixed-Use) การซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2559 และถือเป็นการซื้อสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุดของบริษัทจำนวนประมาณ 2,500 ล้านบาท โดยบริษัทใช้ทุนจากเงินกู้ระยะยาวจำนวน 1,550 ล้านบาทและส่วนที่เหลือมาจากส่วนทุน
แม้บริษัทได้ทำการขยายไปสู่อสังหาริมทรัพย์ให้เช่า แต่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัท ซึ่งประมาณ 80% มาจากโครงการคอนโดมิเนียม รายได้ของบริษัทอยู่ในระดับ 6,000-7,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของรายได้รวม ปัจจุบันบริษัทมีงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบมูลค่าราว 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงกว่าระดับ 6,000-8,000 ล้านบาทในอดีตเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ มูลค่างานที่ยังไม่ได้ส่งมอบดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากโครงการคอนโดมิเนียมสำหรับลูกค้าระดับกลางถึงบนและจะช่วยประกันรายได้ประมาณครึ่งหนึ่งของรายได้ของบริษัทตลอดระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า
บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจากผลของราคาวัสดุก่อสร้างที่ลดต่ำลงและการควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานที่ระมัดระวัง อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 0.5% ในปี 2555 เป็น 15.2% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะยังคงอยู่เหนือระดับ 10% ซึ่งจะทำให้เงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ 600-800 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า
บริษัทมีนโยบายทางการเงินที่ค่อนข้างระมัดระวังซึ่งสะท้อนจากการก่อหนี้ในระดับปานกลางและการมีสภาพคล่องที่เพียงพอ การซื้อ Eight Thonglor Residences ส่งผลทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 31% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 จาก 18.3% ในปี 2558 อย่างไรก็ตาม โครงสร้างเงินทุนที่ถดถอยลงถูกชดเชยด้วยรายได้ค่าเช่าและบริการที่มีสัญญารองรับจากอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวที่เพิ่งซื้อมา ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะยังคงอยู่ต่ำกว่า 40% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า บริษัทมีการถือครองสินทรัพย์สภาพคล่องในระดับค่อนข้างสูงโดยมีเงินสดและหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดอยู่ประมาณ 1,800 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัท แต่ยังช่วยบริหารจัดการการสั่งซื้อวัสดุอีกด้วย โดยบริษัทสามารถใช้เงินสดที่มีอยู่จำนวนมากในการซื้อวัสดุก่อนที่ราคาจะเริ่มปรับเพิ่มขึ้น
บริษัทมีสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้นตามกำไรที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 90% เพียงเล็กน้อยในช่วงปี 2557-2558 ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 13.2 เท่าในปี 2557 และ 20.1 เท่าในปี 2558 ทั้งนี้ สภาพคล่องคาดว่าจะลดต่ำลงในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้าเนื่องจากบริษัทมีแผนปรับปรุง Eight Thonglor Residences รวมถึงพัฒนาโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ที่เหลืออีก 2 แห่ง อีกทั้งยังมองหาโอกาสลงทุนเพิ่มเติมอีกด้วยซึ่งอาจเป็นผลทำให้สภาพคล่องลดต่ำลง แต่คาดว่าจะยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะยังคงอยู่เหนือระดับ 30% ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะยังคงอยู่เหนือระดับ 7 เท่าในช่วง 3 ปีข้างหน้า
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html