ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานของบริษัทในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ตลอดจนการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์และการจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัท อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัทซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์และราคาวัตถุดิบซึ่งมีความผันผวน ตลอดจนความเสี่ยงจากโรคระบาด และการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีนำเข้าของประเทศผู้นำเข้าสินค้า
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงดำรงสถานะผู้ผลิตรายใหญ่ในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารได้ต่อไป โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้ต่ำกว่า 50% ในขณะที่มีการขยายงาน
ทั้งนี้ อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถเพิ่มกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ยังรักษาโครงสร้างทุนและความสามารถในการชำระหนี้ไม่ให้อ่อนแอลงจากระดับปัจจุบัน ในทางตรงข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากการแข่งขันในธุรกิจนี้ทวีความรุนแรงจนส่งผลลบต่อรายได้และความสามารถในการทำกำไรและกระแสเงินสดของบริษัท
บริษัทเบทาโกรก่อตั้งในปี 2510 โดยกลุ่มตระกูลแต้ไพสิฐพงษ์ ปัจจุบันบริษัทมีสถานะเป็นหนึ่งในผู้นำในกลุ่มเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทย ณ เดือนมิถุนายน 2559 ตระกูลแต้ไพสิฐพงษ์ถือหุ้นในบริษัททั้งโดยทางตรงในสัดส่วน 14.33% ของหุ้นทั้งหมดและถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัทแม่คือ บริษัท เบทาโกร โฮลดิ้ง จำกัด อีก 69.45% ธุรกิจหลักของบริษัท 2 กลุ่มหลักคือ ธุรกิจเกษตรและธุรกิจอาหารซึ่งครอบคลุมทั้งอาหารสัตว์ ยาสัตว์ อาหารสัตว์เลี้ยง สุกร ไก่ ไข่ เนื้อไก่ และสุกรแปรรูป ในปี 2558 รายได้จากธุรกิจไก่และอาหารสัตว์มีสัดส่วนใกล้เคียงกันที่ 35% ของรายได้รวมของบริษัท รองลงมาคือธุรกิจสุกรในสัดส่วน 20% รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ภายในประเทศคิดเป็น 88% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2558 ในขณะที่รายได้จากการส่งออกมีสัดส่วน 12%
นับตั้งแต่การร่วมทุนกับบริษัทญี่ปุ่นครั้งแรกในปี 2523 บริษัทก็ยังคงดำเนินนโยบายการร่วมทุนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการร่วมทุนกับหุ้นส่วนชาวญี่ปุ่น การขยายธุรกิจผ่านการร่วมทุนนอกจากจะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสำหรับการส่งออกแล้วยังเป็นประโยชน์แก่บริษัทในการปรับปรุงการดำเนินงานและรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีอีกด้วย โดยเฉพาะเทคโนโลยีการเลี้ยงสุกรแบบ SPF (Specific Pathogen Free) ซึ่งเป็นการเลี้ยงสุกรให้ปลอดจากโรคและสารตกค้าง ผลสำเร็จจากการร่วมทุนทำให้บริษัทเติบโตโดยลำดับจนเป็นผู้นำในการผลิตเนื้อสุกรคุณภาพสูงในประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจไก่และสุกรแบบครบวงจรตั้งแต่อาหารสัตว์ไปจนถึงการแปรรูปเนื้อไก่และสุกรเป็นอาหารสำเร็จรูป การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรส่งผลให้สินค้าของบริษัทมีมาตรฐานในระดับสากลทั้งในด้านความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับ ตลาดส่งออกหลักของบริษัทคือประเทศญี่ปุ่นและกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป โดยสินค้าที่ส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นการส่งออกผ่านทางผู้ร่วมทุนของบริษัท
เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์พื้นฐานของบริษัทซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์ บริษัทจึงให้ความสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์และสร้างตราสินค้าของตนเอง บริษัทได้ตั้งศูนย์นวัตกรรมอาหารขึ้นเพื่อดำเนินงานด้านการวิจัยและพัฒนาโดยมีแผนในการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มใหม่ๆ ให้มากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าของตนเองผ่าน “ร้านเบทาโกร” เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและร้านอาหารด้วย โดย ณ เดือนมิถุนายน 2559 บริษัทมีร้านเบทาโกร 148 สาขาในประเทศไทยและ 4 สาขาในต่างประเทศ
ผลประกอบการของบริษัทอ่อนตัวลงในปี 2558 เนื่องจากผลกระทบของวงจรขาลงของธุรกิจสัตว์บกในประเทศ การลดลงอย่างมากของราคาไก่และสุกรส่งผลลบต่อรายได้และความสามารถในการทำกำไรของบริษัท โดยรายได้ของบริษัทเติบโตอยู่ที่ 83,450 ล้านบาทในปี 2558 หรือเพิ่มขึ้นพียง 1.1% จากปี 2557 อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายลดลงจากระดับสูงที่ 8.3% ในปี 2557 มาอยู่ที่ 4.1% ในปี 2558 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทลดลงจากระดับ 7,307 ล้านบาทในปี 2557 เป็น 3,954 ล้านบาทในปี 2558
ภาวะอุปทานส่วนเกินของสัตว์บกปรับตัวดีขึ้นบางส่วนในปี 2559 รายงานของสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยระบุว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ราคาเฉลี่ยของสุกรขุนอยู่ที่ 67.9 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนราคาไก่อยู่ที่ 36.2 บาทต่อ กก. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกเหนือจากการเพิ่มขึ้นของราคาสุกร การเพิ่มขึ้นของความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังได้รับอานิสงส์จากราคาอาหารสัตว์ที่ลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 2.9% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 เป็น 5.4% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ในขณะที่ EBITDA ของบริษัทก็เพิ่มขึ้นเป็น 2,678 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 จากระดับ 1,541 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
สถานะงบดุลของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ระดับ 43.2% ณ เดือนมิถุนายน 2559 ลดลงเล็กน้อยจาก 44.5% ในปี 2558 สภาพคล่องของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 30.2% ในปี 2558 เป็น 39.6% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ต่อดอกเบี้ยจ่ายเท่ากับ 11.3 เท่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 เทียบกับระดับ 10.1 เท่าในปี 2558
ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่า EBITDA ของบริษัทจะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 5,000-6,000 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่บริษัทมีแผนลงทุนประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาทต่อปีเพื่อขยายกำลังการผลิตทั้งในธุรกิจฟาร์ม โรงงานผลิตอาหารสัตว์ และโรงงานผลิตอาหาร เมื่อพิจารณาจากระดับ EBITDA และเงินลงทุนดังกล่าวแล้วคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะยังคงต่ำกว่า 50% ในช่วงระหว่างปี 2559-2562 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ระดับประมาณ 10 เท่า และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะเท่ากับ 25%-35% ในช่วงเวลาเดียวกัน
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html