เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2544 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ได้ประกาศยืนยันผลอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันมูลค่า 3,500 ล้านบาท กำหนดไถ่ถอนปี 2547 ของบริษัท อคิวเมนท์ จำกัด คงเดิมที่ระดับ "BBB+" ซึ่งสะท้อนความแน่นอนของกระแสรายได้ที่บริษัทจะได้รับจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) จนถึงปี 2549 รวมถึงการให้หลักประกันที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นกู้เพื่อการชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยซึ่งได้แก่ การโอนสิทธิการรับเงินตามสัญญาเช่าบริการจาก ทศท. การจำนำบัญชีเงินสำรองเพื่อชำระหนี้ (Debt Service Account) และบัญชีเงินสำรองคงที่ (Sinking Fund Account) นอกจากนี้ ข้อกำหนดสิทธิต่างๆ ซึ่งจำกัดการสนับสนุนที่บริษัทจะมีต่อบริษัทในเครือจัสมินยังช่วยป้องกันความเสี่ยงอย่างพอเพียง อย่างไรก็ตาม ความอ่อนแอทางทางการเงินของบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่มีผลกระทบต่อการจัดอันดับเครดิตในครั้งนี้
ทริสรายงานว่า บริษัท อคิวเมนท์ จำกัด ซึ่งถือหุ้น 100% โดยบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) มีสัญญาการให้เช่าใช้บริการแก่ ทศท. ในโครงการโทรศัพท์สาธารณะทางไกลชนบทด้วยระบบดาวเทียมจำนวน 3 ฉบับ สิ้นสุดประมาณปี 2549 โดยบริษัทมีรายได้จากสัญญาดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของรายได้รวมประมาณ 1,900 ล้านบาทในแต่ละปีของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังมีสัญญาสัมปทานกับ ทศท. อีก 2 ฉบับในโครงการร่วมลงทุนจัดตั้งระบบสื่อสารภายในประเทศด้วยดาวเทียม (TDMA) และโครงการร่วมลงทุนจัดตั้งระบบสื่อสารเพื่อบริการธุรกิจผ่านดาวเทียม (ISBN) โดยรายได้จากโครงการ TDMA มีความแน่นอนเช่นเดียวกับรายได้จากโครงการโทรศัพท์สาธารณะทางไกลชนบทฯ ในขณะที่รายได้จากโครงการ ISBN ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้รับในสัดส่วน 80:20 มีความเสี่ยงต่อความผันผวนของตลาดสื่อสารข้อมูลผ่านดาวเทียมหรือ VSAT อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโครงการโทรศัพท์สาธารณะทางไกลชนบทฯ จะมีความแน่นอนของกระแสรายได้สูง แต่โอกาสในการขยายตัวของโครงการอยู่ในระดับต่ำ
ในเดือนธันวาคม 2542 บริษัทได้ออกหุ้นกู้มูลค่า 3,500 ล้านบาท อายุ 5 ปี เพื่อใช้ปรับโครงสร้างทางการเงิน ซึ่งหนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้เงินกู้สกุลเงินตราต่างประเทศ ทำให้บริษัทลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2543 เงินกู้ยืมรวมของบริษัทลดลงมาที่ระดับ 3,212 ล้านบาท แต่อัตราส่วนหนี้สินต่อแหล่งเงินทุนรวมกลับเพิ่มขึ้นเป็น 73.37% จาก 70.78% ในปี 2542 เนื่องจากบริษัทได้กำหนดการจ่ายเงินปันผลจำนวนมากในปี 2543 ซึ่งทริสจะติดตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทอย่างใกล้ชิดต่อไป ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของบริษัทมีความผันผวนน้อยเนื่องจากกระแสรายได้ส่วนใหญ่มีความแน่นอนสูง ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2543 อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายได้กลับสู่ระดับ 70.43% หลังจากที่ตกลงมาอยู่ที่ 59.13% เนื่องจากเกิดค่าใช้จ่ายจำนวนมากจากกระบวนการปรับโครงสร้างทางการเงินในปี 2542 ในขณะเดียวกันอัตรากำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ภาษี และดอกเบี้ยต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ในระดับดีพอใช้ที่ 4.97 เท่า ความสามารถในการชำระหนี้ (Debt Service Coverage Ratio) ตามสูตรการคำนวณของทริส ซึ่งรวม Sinking Fund แต่ไม่รวมเงินสดจะอยู่ในระดับน่าพอใจที่ 1.3 - 1.5 เท่าในอีก 2 ปีข้างหน้า
ทริสเตือนว่าบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ทำการปรับโครงสร้างหนี้แล้วเสร็จเมื่อเดือนกรกฎาคม 2543 มีภาระจะต้องจ่ายคืนเงินกู้จำนวน 360 ล้านบาทในปี 2544 และอีกปีละประมาณ 1,329 ล้านบาทระหว่างปี 2545 - 2549 ซึ่งแหล่งเงินส่วนใหญ่คาดว่าจะมาจากบริษัทลูกที่มีรายได้ค่อนข้างสม่ำเสมอคือ บริษัท อคิวเมนท์ จำกัด และ บริษัท จัสมิน ซับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด -- จบ
ทริสรายงานว่า บริษัท อคิวเมนท์ จำกัด ซึ่งถือหุ้น 100% โดยบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) มีสัญญาการให้เช่าใช้บริการแก่ ทศท. ในโครงการโทรศัพท์สาธารณะทางไกลชนบทด้วยระบบดาวเทียมจำนวน 3 ฉบับ สิ้นสุดประมาณปี 2549 โดยบริษัทมีรายได้จากสัญญาดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของรายได้รวมประมาณ 1,900 ล้านบาทในแต่ละปีของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังมีสัญญาสัมปทานกับ ทศท. อีก 2 ฉบับในโครงการร่วมลงทุนจัดตั้งระบบสื่อสารภายในประเทศด้วยดาวเทียม (TDMA) และโครงการร่วมลงทุนจัดตั้งระบบสื่อสารเพื่อบริการธุรกิจผ่านดาวเทียม (ISBN) โดยรายได้จากโครงการ TDMA มีความแน่นอนเช่นเดียวกับรายได้จากโครงการโทรศัพท์สาธารณะทางไกลชนบทฯ ในขณะที่รายได้จากโครงการ ISBN ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้รับในสัดส่วน 80:20 มีความเสี่ยงต่อความผันผวนของตลาดสื่อสารข้อมูลผ่านดาวเทียมหรือ VSAT อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโครงการโทรศัพท์สาธารณะทางไกลชนบทฯ จะมีความแน่นอนของกระแสรายได้สูง แต่โอกาสในการขยายตัวของโครงการอยู่ในระดับต่ำ
ในเดือนธันวาคม 2542 บริษัทได้ออกหุ้นกู้มูลค่า 3,500 ล้านบาท อายุ 5 ปี เพื่อใช้ปรับโครงสร้างทางการเงิน ซึ่งหนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้เงินกู้สกุลเงินตราต่างประเทศ ทำให้บริษัทลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2543 เงินกู้ยืมรวมของบริษัทลดลงมาที่ระดับ 3,212 ล้านบาท แต่อัตราส่วนหนี้สินต่อแหล่งเงินทุนรวมกลับเพิ่มขึ้นเป็น 73.37% จาก 70.78% ในปี 2542 เนื่องจากบริษัทได้กำหนดการจ่ายเงินปันผลจำนวนมากในปี 2543 ซึ่งทริสจะติดตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทอย่างใกล้ชิดต่อไป ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของบริษัทมีความผันผวนน้อยเนื่องจากกระแสรายได้ส่วนใหญ่มีความแน่นอนสูง ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2543 อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายได้กลับสู่ระดับ 70.43% หลังจากที่ตกลงมาอยู่ที่ 59.13% เนื่องจากเกิดค่าใช้จ่ายจำนวนมากจากกระบวนการปรับโครงสร้างทางการเงินในปี 2542 ในขณะเดียวกันอัตรากำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ภาษี และดอกเบี้ยต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ในระดับดีพอใช้ที่ 4.97 เท่า ความสามารถในการชำระหนี้ (Debt Service Coverage Ratio) ตามสูตรการคำนวณของทริส ซึ่งรวม Sinking Fund แต่ไม่รวมเงินสดจะอยู่ในระดับน่าพอใจที่ 1.3 - 1.5 เท่าในอีก 2 ปีข้างหน้า
ทริสเตือนว่าบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ทำการปรับโครงสร้างหนี้แล้วเสร็จเมื่อเดือนกรกฎาคม 2543 มีภาระจะต้องจ่ายคืนเงินกู้จำนวน 360 ล้านบาทในปี 2544 และอีกปีละประมาณ 1,329 ล้านบาทระหว่างปี 2545 - 2549 ซึ่งแหล่งเงินส่วนใหญ่คาดว่าจะมาจากบริษัทลูกที่มีรายได้ค่อนข้างสม่ำเสมอคือ บริษัท อคิวเมนท์ จำกัด และ บริษัท จัสมิน ซับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด -- จบ