ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้าประกันชนิดทยอยชาระคืนเงินต้นอายุ 3 ปี ของ บริษัท นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (6) จากัด (ผู้ออกตราสาร หรือเอสพีวี) ที่ระดับ “AA-(sf)” ทั้งนี้ ตราสารดังกล่าวเป็นตราสารทางการเงินที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลังที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตชุดที่ 2 ซึ่งริเริ่มโดยบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท. หรือ ผู้ค้าประกัน) โดยตราสารดังกล่าวได้รับการค้าประกันอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้โดย บตท. อันดับเครดิตของเอสพีวีสะท้อนถึงอันดับเครดิตของผู้ค้าประกัน คือ บตท. ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง นอกจากนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนจากการมีหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่เอสพีวีออกให้แก่ บตท. รวมถึงการที่ บตท. ตกลงจะให้เงินกู้ยืมแก่เอสพีวีเพื่อเสริมสภาพคล่อง และหน้าที่ของ บตท. ในการซื้อกองสินทรัพย์ (สิทธิเรียกร้องในค่างวดของกองลูกหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย) ที่คงเหลือคืนจากเอสพีวี ณ วันครบกาหนด ไถ่ถอนหุ้นกู้ด้วย ซึ่งอันดับเครดิตสะท้อนถึงการที่ผู้ถือหุ้นกู้มีการประกันจะได้รับชาระคืนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ครบถ้วนตามกาหนดเวลาด้วยเช่นกัน
บตท. หรือผู้ค้าประกัน ได้รับการก่อตั้งในปี 2540 ภายใต้พระราชกาหนด (พ.ร.ก.) บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2540 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1,000 ล้านบาท บตท. มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจประเภทสถาบันการเงินเฉพาะกิจสังกัดกระทรวงการคลังซึ่งมีบทบาทในการพัฒนาตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยโดยใช้วิธีการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในการระดมทุน ภายใต้ พ.ร.ก. ดังกล่าว รัฐบาลสามารถค้าประกันตราสารหนี้ที่ออกโดย บตท. ได้ไม่เกิน 4 เท่าของเงินกองทุน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 บตท. มีเงินกองทุนอยู่ที่ 1,088 ล้านบาท ดังนั้น รัฐบาลจึงสามารถค้าประกันหนี้ของ บตท. ได้ถึง 4,352 ล้านบาท โดย บตท. จะทาหน้าที่เป็นตัวแทนเรียกเก็บหนี้และเป็นผู้ให้เงินกู้ยืมเพื่อเสริมสภาพคล่องของโครงการด้วย
เอสพีวี หรือผู้ออกตราสาร เป็นบริษัทจากัดที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศไทยและได้รับอนุญาตให้มีสถานะเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจตาม พ.ร.ก. นิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์จากสานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผู้ถือหุ้นของเอสพีวีประกอบด้วย บตท. ซึ่งถือหุ้น 48% บริษัท บริการดี จากัด ซึ่งถือหุ้น 48.99% และบุคคลทั่วไปซึ่งถือหุ้น 3.01%
ในระยะเริ่มต้นของโครงการ ผู้ออกตราสารได้ออกตราสารหนี้มูลค่ารวม 2,037.38 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้มีการค้าประกันชนิดทยอยชาระคืนเงินต้น 1,500 ล้านบาทและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ 537.38 ล้านบาท โดยหุ้นกู้มีการค้าประกันจะเสนอขายให้แก่นักลงทุน ในขณะที่หุ้นกู้ด้อยสิทธิจะถือโดย บตท. อนึ่ง หุ้นกู้ด้อยสิทธิมีสถานะด้อยกว่าหุ้นกู้ที่ไดัรับการจัดอันดับเครดิตและเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีการค้าประกัน เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้จะนาไปใช้ซื้อสิทธิเรียกร้องในค่างวดของกองลูกหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (สินทรัพย์) ที่ บตท. ซื้อมาจากธนาคารกสิกรไทย จากัด (มหาชน) (KBANK หรือผู้ขาย) โดยมูลค่าเงินต้นของกองสินทรัพย์ดังกล่าวอยู่ที่ 1,982.96 ล้านบาท
ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 มูลค่าคงเหลือของหุ้นกู้มีการค้าประกันอยู่ที่ 1,183.83 ล้านบาท ในขณะที่กองสินเชื่อมีมูลค่าเงินต้นคงเหลือจานวน 1,331.18 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนธันวาคม 2556 ถึงเดือนกันยายน 2559 เอสพีวีได้รับเงินค่าผ่อนชาระรายเดือนจากลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นจานวนทั้งสิ้น 891.28 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยเงินต้นที่ได้รับชาระคืนตามกาหนดเวลาจานวน 344.16 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจานวน 239.51 ล้านบาท และเงินต้นที่ได้รับคืนก่อนกาหนดจานวน 307.61 ล้านบาท โดยจานวนเงินต้นที่ได้รับคืนก่อนกาหนดคิดเป็นประมาณ 15.51% ของเงินต้นในช่วงเริ่มต้นทั้งหมดจานวน 1,982.96 ล้านบาท ในขณะที่หนี้ที่มีการผิดนัดชาระสุทธิ (หลังหักหนี้ผิดนัดชาระที่ได้รับคืน) อยู่ที่ 83.96 ล้านบาท หรือประมาณ 4.23% ของมูลค่าเงินต้นเริ่มแรกของกองสินทรัพย์
เงินค่าผ่อนชาระที่ได้รับในแต่ละเดือนจะฝากเข้าบัญชีของ บตท. ก่อน หลังจากนั้นจะโอนเข้าบัญชีของผู้ออกตราสารทุกเดือน ส่วนเงินค่าผ่อนชาระที่เป็นส่วนของเงินต้นจะนาไปใช้ชาระเงินต้นของหุ้นกู้มีการค้าประกัน รวมทั้งใช้ชาระคืนเงินต้นของเงินที่กู้ยืมจาก บตท. เพื่อจะนามาใช้ชาระคืนหนี้เงินต้นของหุ้นกู้มีการค้าประกันที่ได้รับการจัดอันดับเครดิต รายรับส่วนที่เหลือจะนาไปเก็บไว้ในบัญชีสารองประมาณ 10% ของเงินค่าผ่อนชาระรายเดือนหลังหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้ว หากรายรับส่วนที่เหลือมีไม่ถึง 10% ก็ให้นาเงินเข้าบัญชีสารองเท่ากับจานวนเงินที่คงเหลืออยู่ แล้วแต่จานวนใดจะต่ากว่า หลังจากนั้นจึงจะนากระแสเงินสดที่เหลือไปชาระคืนเงินต้นของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ส่วนของเงินค่างวดที่เป็นดอกเบี้ยจะนาไปใช้ชาระดอกเบี้ยของหุ้นกู้มีการค้าประกันรวมถึงค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เป็นหลัก ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 มูลค่าหุ้นกู้ด้อยสิทธิคงเหลืออยู่ที่ 239.54 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16.83% ของมูลค่าหุ้นกู้รวมคงค้างทั้งหมด ซึ่งลดลงจาก 26.4% ของมูลค่าหุ้นกู้ทั้งหมดในช่วงเริ่มต้นโครงการ
อย่างไรก็ดี ภายใต้สัญญาให้การสนับสนุนทางการเงินระหว่าง บตท. และ เอสพีวีนั้น บตท. ตกลงจะให้เงินกู้ยืมแก่เอสพีวีในกรณีที่เอสพีวีไม่มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะชาระหนี้ในแต่ละงวดตลอดอายุของหุ้นกู้ได้ นอกจากนี้ ภายใต้สัญญาโอนสิทธิเรียกร้อง บตท. ตกลงจะซื้อคืนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวโดยราคาซื้อคืนสิทธิเรียกร้องจะเป็นราคาระหว่าง 1) มูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์รวมดอกเบี้ยค้างชาระ หรือ 2) มูลค่าเงินต้นและดอกเบี้ยค้างชาระของหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิซึ่งรวมภาระผูกพันต่าง ๆ ของเอสพีวีหลังจากหักด้วยเงินสดคงเหลือในบัญชีสารองของเอสพีวีแล้ว ซึ่งแล้วแต่ราคาใดจะต่ากว่า ทั้งนี้ เอสพีวีจะนาเงินที่ได้จากการขายคืนสิทธิเรียกร้องไปใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ซึ่งหากยังมีส่วนที่ขาดอยู่ บตท. ก็จะรับชาระให้ตามสัญญาค้าประกัน
หุ้นกู้มีการค้าประกันภายใต้โครงการนี้จะมีการทยอยชาระคืนเงินต้นตลอดอายุหุ้นกู้ประมาณ 23% ดังนั้น การชาระคืนเงินต้นทั้งหมดในวันที่ครบกาหนดไถ่ถอนหุ้นกู้จะขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ค้าประกันคือ บตท. ในการที่จะซื้อคืนสิทธิเรียกร้องคงเหลือทั้งหมดกลับไป นอกจากนี้ บตท. ยังตกลงที่จะให้เงินกู้ยืมแก่ผู้ออกตราสารตลอดอายุของหุ้นกู้มีการ ค้าประกันในกรณีที่ผู้ออกตราสารขาดสภาพคล่องอีกด้วย ดังนั้น อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีการค้าประกันจึงเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตของผู้ค้าประกัน
บริษัท นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (6) จากัด (SPV-SMC (6))
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
MBSC16DA: หุ้นกู้มีการค้าประกันชนิดทยอยชาระคืนเงินต้น 1,173.60 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 AA-(sf)