ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจสินเชื่อรถยนต์และภาพรวมความเสี่ยงทางธุรกิจและการเงินของบริษัทในระดับปานกลาง นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ ที่สนับสนุนอันดับเครดิตยังประกอบด้วยสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ในตลาดเฉพาะกลุ่มของรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ตลอดจนการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ระบบการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่มีเสถียรภาพของบริษัทแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการแข่งขันที่รุนแรงและคุณภาพสินเชื่อของบริษัท
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะทางการตลาดในตลาดเฉพาะกลุ่มสำหรับยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ต่อไปได้ การมีคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความสามารถ ตลอดจนระบบการบริหารความเสี่ยงและระบบการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์รวมถึงรักษาระดับความสามารถในการกำไรไว้ได้ นอกจากนี้ ยังคาดว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะยังคงให้การสนับสนุนบริษัทต่อไป
อันดับเครดิตของบริษัทอาจมีการปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถปรับสถานะทางการตลาดให้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในขณะที่ยังสามารถรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ พร้อมทั้งมีผลประกอบการทางการเงินที่น่าพอใจ ในทางกลับกัน อันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลงหากสถานะทางการตลาดอ่อนแอลง หรือคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทถดถอยลงจนส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท การขยายสินเชื่อในเชิงรุกโดยใช้เงินกู้ซึ่งบั่นทอนความแข็งแกร่งของโครงสร้างเงินทุนก็สามารถกระทบต่ออันดับเครดิตในทางลบได้เช่นกัน
บริษัทเอเซียเสริมกิจลีสซิ่งถือเป็นบริษัทลูกในกลุ่ม Chailease ประเทศไต้หวันซึ่งถือหุ้นของบริษัทผ่านบริษัทลูก 2 แห่งรวม 48.18% คือ Chailease Finance Co., Ltd. (36.61%) และ Chailease International (Malaysia) Co., Ltd. (11.57%) งบการเงินของบริษัทถูกรวมเข้ากับงบการเงินของบริษัทแม่คือ Chalease Finance ภายใต้เกณฑ์การมีอำนาจควบคุม (Power of Control) ทั้งนี้ ในปี 2558 รายได้ของบริษัทคิดเป็น 6.9% ของรายได้ในกลุ่ม Chailease
ในจำนวนสินเชื่อรวมของบริษัท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 นั้น 84.9% เป็นสินเชื่อรถยนต์สำหรับลูกค้ารายย่อยซึ่งดำเนินการโดยบริษัทโดยตรง สัดส่วนดังกล่าวอยู่ในระดับใกล้เคียงกันเช่นนี้มาตั้งแต่ปี 2553 ในขณะที่สัดส่วนสินเชื่อลีสซิ่งและแฟคตอริ่งของบริษัทในเครือที่บริษัทถือหุ้นทั้งหมดคือ บริษัท กรุงเทพแกรนด์แปซิฟิคลีส จำกัด (มหาชน) อยู่ที่ระดับ 11% และ 2.8% ตามลำดับ สินเชื่อรวมของบริษัทในปี 2553-2556 ขยายตัวมากกว่า 10% ทุกปี อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวของสภาวะเศรษฐกิจที่ผ่านมาส่งผลให้สินเชื่อรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเพียง 4.1% ในปี 2557 และ 3.1% ในปี 2558
ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของฐานลูกค้าโดยรวมของบริษัทอยู่ในระดับต่ำอันเนื่องมาจากลักษณะของสินเชื่อรถยนต์สำหรับลูกค้ารายย่อย นอกจากนี้ การกระจายตัวของส่วนผสมของผลิตภัณฑ์สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์สำหรับลูกค้ารายย่อยยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในด้านผลิตภัณฑ์ของสินเชื่อได้ด้วย โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 สินเชื่อรถยนต์สำหรับลูกค้ารายย่อยคงค้างประกอบด้วยรถบรรทุก 53% รถยนต์นั่งและรถกระบะ 24% รถตู้ 11% รถแท็กซี่ 7% และอื่น ๆ อีก 5% โดยทั่วไปแล้ว แม้ว่าสินเชื่อสำหรับยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ เช่น รถบรรทุก รถตู้ และรถแท็กซี่จะสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่า แต่ส่วนผสมของสินเชื่อที่มีสินทรัพย์ประเภทดังกล่าวจะทำให้ผู้ประกอบการมีความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน ดังนั้น เพื่อลดทอนความเสี่ยงที่สูงขึ้น บริษัทจึงใช้กลยุทธ์ในการแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อเน้นสินเชื่อเฉพาะผลิตภัณฑ์และกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงน้อยเพื่อลดความเสี่ยงของสินเชื่อในภาพรวม
ในอดีต อัตราส่วนของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (ค้างชำระมากกว่า 3 งวด) ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่น ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความสามารถ ตลอดจนมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และมีนโยบายการอนุมัติสินเชื่อแบบระมัดระวัง อย่างไรก็ดี อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1.7% ในปี 2557 จาก 1.1% ในปี 2556 และ 0.8% ในปี 2555 เศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบันเป็นสาเหตุที่ทำให้อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 3% และ 3.6% ณ สิ้นปี 2558 และ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 ตามลำดับ แม้ว่าบริษัทจะมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นโดยอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นจาก 1% ในปี 2556 เป็น 1.8% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 แต่การเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ก็ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับลดลงจาก 91.6% ณ สิ้นปี 2556 เป็น 50.1% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559
กำไรสุทธิของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2558 โดยเพิ่มขึ้นเป็น 681 ล้านบาทในปี 2558 จาก 671 ล้านบาทในปี 2557 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 545 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 หรือเพิ่มขึ้น 5.8% จากช่วงเดียวกันของปี 2558 อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอยู่ในระดับคงที่ โดยอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยรักษาระดับอยู่ที่ 2.3%-2.4% มาตั้งแต่ปี 2557 ความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับนี้ได้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการมีต้นทุนทางการเงินที่ลดต่ำลง นอกจากนี้ บริษัทยังเลือกใช้เงินกู้ระยะสั้นในการขยายสินเชื่อ รวมทั้งยังสามารถดูแลค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้อยู่ในการควบคุมได้อีกด้วย
บริษัทมีแหล่งเงินทุนที่กระจายตัวไปในสถาบันการเงินหลายแห่ง รวมถึงการระดมทุนจากตลาดทุนผ่านการออกตั๋วแลกเงินและหุ้นกู้ด้วย บริษัทมีวงเงินจากธนาคารที่เกี่ยวข้องกัน คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนสำรองเพื่อลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทมีการใช้แหล่งเงินกู้ระยะสั้นเพื่อควบคุมต้นทุนทางการเงินซึ่งส่งผลทำให้มีความไม่สอดคล้องกันในอายุของสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัท โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 บริษัทมีเงินกู้ระยะสั้นและเงินกู้ระยะยาวที่ครบกำหนดอายุไม่เกิน 1 ปีรวมกันอยู่ที่ระดับ 58% ของเงินกู้ยืมทั้งหมด อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงดังกล่าวลดทอนลงจากการมีกระแสเงินสดจากการชำระค่างวดของลูกค้าและวงเงินสำรองที่เพียงพอต่อความต้องการเงินทุนของบริษัท โดยทริสเรทติ้งหวังว่าบริษัทจะเตรียมวงเงินสำรองที่เพียงพอสำหรับชำระหนี้ตั๋วแลกเงินและหุ้นกู้ระยะสั้นซึ่งมีความเสี่ยงจากการกู้ยืมใหม่เพื่อชำระหนี้เก่า (Refinancing Risk) ความแข็งแกร่งของโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับปานกลางโดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ระดับประมาณ 6 เท่ามาตั้งแต่ปี 2557
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่