บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศผลทบทวนอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกัน 650 ล้านบาท และ 550 ล้านบาท ของบริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ที่ระดับ "BBB+" คงเดิม โดยสะท้อนความเพียงพอของมูลค่าหลักประกันของศูนย์การค้า การมีศูนย์การค้าที่มีคุณภาพ และกลยุทธ์การบริหารที่มีความยืดหยุ่น ในขณะที่จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนโดยความเสี่ยงที่สูงของการกระจุกตัวของธุรกิจ เนื่องจากบริษัทมีศูนย์การค้าเป็นแหล่งรายได้เพียงแห่งเดียว รวมถึงอุตสาหกรรมค้าปลีกที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะการขยายตัวของพื้นที่ค้าปลีกของผู้ประกอบการรายใหญ่จากต่างประเทศ และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทั้งนี้ อันดับเครดิตยังรวมถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่ดีขึ้นด้วย
ทริสกล่าวว่าหุ้นกู้ดังกล่าวของบริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด มีหลักประกันเป็นศูนย์การค้า ซึ่งมีมูลค่า 3,750 ล้านบาท ตามที่ประเมินราคาโดยบริษัท อเมริกัน แอ๊พเพรซัล (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อเดือนกันยายน 2543 โดยผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับการคุ้มครองที่เพียงพอจากอัตราส่วนของเงินกู้ (รวมเงินเบิกเกินบัญชี 50 ล้านบาท) ต่อหลักประกันที่ค่อนข้างต่ำที่ระดับ 30% ณ เดือนกันยายน 2544 รวมถึงการได้รับการโอนสิทธิรับเงินค่าเช่าและค่าบริการจากผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าได้โดยตรงในกรณีที่เกิดเหตุผิดนัดตามข้อกำหนดสิทธิ อย่างไรก็ตาม ทริสยังเป็นห่วงในเรื่องการขาดสภาพคล่องของหลักประกันที่เป็นศูนย์การค้าในกรณีที่เกิดการผิดนัดชำระหนี้
บริษัทก่อตั้งในปี 2533 จากการร่วมทุนของตระกูลซอโสตถิกุลและกลุ่มสถาบันการเงิน 5 แห่งในสัดส่วน 68:32 เพื่อพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดี มีฐานผู้เช่าที่แข็งแกร่งและกระจายตัว รวมถึงมีผู้เช่าหลักที่สามารถดึงดูดคนเข้าศูนย์การค้า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2544 รายได้ค่าเช่าและค่าบริการจากผู้เช่า 10 รายใหญ่มีสัดส่วน 22% และจากผู้เช่ารายใหญ่ที่สุดมีสัดส่วนไม่เกิน 6% ของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทได้รับผลกระทบบางส่วนจากความเสี่ยงของการกระจุกตัวในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากบริษัทมีศูนย์การค้าเป็นแหล่งรายได้เพียงแห่งเดียว ในขณะที่อุตสาหกรรมค้าปลีกมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะจากกลุ่มซูเปอร์สโตร์ซึ่งขยายพื้นที่ค้าปลีกในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเปิดใหม่อีกหลายโครงการในอนาคต นอกจากนี้ ตัวชี้วัดที่สำคัญทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2544 ยังแสดงถึงภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ทริสกล่าวว่าบริษัทยังมีทีมบริหารที่เป็นคนรุ่นใหม่ซึ่งมีความยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์ เพื่อให้สามารถแข่งขันในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า
อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ค่าเช่าและค่าบริการและรายได้จากการขายของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 57.9% ในปี 2543 เป็น 63.1% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2544 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินทุนถาวรของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจาก 6.5% ในปี 2543 เป็น 8.3% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2544 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมและอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายยังคงเพียงพอที่ระดับ 19.2% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) และ 4.7 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2544 ตามลำดับ บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ระดับ 34% ในเดือนกันยายน 2544 อย่างไรก็ตาม ทริสคาดว่าบริษัทยังมีความจำเป็นต้องจัดหาเงินทุนจากภายนอกอีกประมาณ 170-200 ล้านบาทในช่วงต้นปี 2549 เพื่อจ่ายชำระหนี้งวดสุดท้ายของหุ้นกู้มีประกัน SCON061A เนื่องจากแหล่งเงินทุนจากการดำเนินงานอาจไม่เพียงพอสำหรับงวดดังกล่าว-- จบ
ทริสกล่าวว่าหุ้นกู้ดังกล่าวของบริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด มีหลักประกันเป็นศูนย์การค้า ซึ่งมีมูลค่า 3,750 ล้านบาท ตามที่ประเมินราคาโดยบริษัท อเมริกัน แอ๊พเพรซัล (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อเดือนกันยายน 2543 โดยผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับการคุ้มครองที่เพียงพอจากอัตราส่วนของเงินกู้ (รวมเงินเบิกเกินบัญชี 50 ล้านบาท) ต่อหลักประกันที่ค่อนข้างต่ำที่ระดับ 30% ณ เดือนกันยายน 2544 รวมถึงการได้รับการโอนสิทธิรับเงินค่าเช่าและค่าบริการจากผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าได้โดยตรงในกรณีที่เกิดเหตุผิดนัดตามข้อกำหนดสิทธิ อย่างไรก็ตาม ทริสยังเป็นห่วงในเรื่องการขาดสภาพคล่องของหลักประกันที่เป็นศูนย์การค้าในกรณีที่เกิดการผิดนัดชำระหนี้
บริษัทก่อตั้งในปี 2533 จากการร่วมทุนของตระกูลซอโสตถิกุลและกลุ่มสถาบันการเงิน 5 แห่งในสัดส่วน 68:32 เพื่อพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดี มีฐานผู้เช่าที่แข็งแกร่งและกระจายตัว รวมถึงมีผู้เช่าหลักที่สามารถดึงดูดคนเข้าศูนย์การค้า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2544 รายได้ค่าเช่าและค่าบริการจากผู้เช่า 10 รายใหญ่มีสัดส่วน 22% และจากผู้เช่ารายใหญ่ที่สุดมีสัดส่วนไม่เกิน 6% ของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทได้รับผลกระทบบางส่วนจากความเสี่ยงของการกระจุกตัวในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากบริษัทมีศูนย์การค้าเป็นแหล่งรายได้เพียงแห่งเดียว ในขณะที่อุตสาหกรรมค้าปลีกมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะจากกลุ่มซูเปอร์สโตร์ซึ่งขยายพื้นที่ค้าปลีกในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเปิดใหม่อีกหลายโครงการในอนาคต นอกจากนี้ ตัวชี้วัดที่สำคัญทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2544 ยังแสดงถึงภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ทริสกล่าวว่าบริษัทยังมีทีมบริหารที่เป็นคนรุ่นใหม่ซึ่งมีความยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์ เพื่อให้สามารถแข่งขันในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า
อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ค่าเช่าและค่าบริการและรายได้จากการขายของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 57.9% ในปี 2543 เป็น 63.1% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2544 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินทุนถาวรของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจาก 6.5% ในปี 2543 เป็น 8.3% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2544 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมและอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายยังคงเพียงพอที่ระดับ 19.2% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) และ 4.7 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2544 ตามลำดับ บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ระดับ 34% ในเดือนกันยายน 2544 อย่างไรก็ตาม ทริสคาดว่าบริษัทยังมีความจำเป็นต้องจัดหาเงินทุนจากภายนอกอีกประมาณ 170-200 ล้านบาทในช่วงต้นปี 2549 เพื่อจ่ายชำระหนี้งวดสุดท้ายของหุ้นกู้มีประกัน SCON061A เนื่องจากแหล่งเงินทุนจากการดำเนินงานอาจไม่เพียงพอสำหรับงวดดังกล่าว-- จบ