เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2544 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ได้ประกาศยืนยันผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันมูลค่า 6,000 ล้านบาท กำหนดไถ่ถอนปี 2548 ของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือแทค ที่ระดับ "A-" พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิต "A-" ให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันมูลค่า 15,000 ล้านบาท กำหนดไถ่ถอนปี 2549 ของแทค โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทยที่มีแนวโน้มการขยายตัวสูง ตลอดจนสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทและผลประโยชน์ร่วมจากพันธมิตรธุรกิจ ในขณะที่จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนด้วยความไม่แน่นอนของการปฎิรูปธุรกิจโทรคมนาคมของประเทศ การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และความต้องการลงทุนในปริมาณสูงในอนาคตของแทค
ทริสคาดว่าการเติบโตของโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศยังคงขยายตัวในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่องภายหลังจากที่เคยเติบโตสูงถึง 53% ในปี 2543 โดยปัจจัยกระตุ้นได้แก่ ต้นทุนแรกเข้าในการใช้บริการที่ต่ำลง การส่งเสริมการขายที่จูงใจผู้บริโภค และความนิยมในการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ Pre-paid นอกจากนี้อัตราการมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ต่อประชากรของประเทศที่ระดับต่ำประมาณ 6% ณ สิ้นปี 2543 ยังแสดงถึงช่องทางในการขยายตัวที่มีอีกมาก อย่างไรก็ตาม คาดว่าการแข่งขันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นจากการมีผู้ประกอบการรายใหม่ ในขณะที่ผู้ประกอบธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังคงมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบเนื่องจากปัจจุบัน พรบ. ประกอบกิจการโทรคมนาคมฉบับใหม่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา อีกทั้งยังไม่มีการพิจารณาคัดเลือกคณะกรรมการกิจการโทรคม-นาคมแห่งชาติ (กทช.) แต่อย่างใด
ทริสรายงานว่าแทคเป็นผู้ให้บริการระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับสองโดยมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 41% ในขณะที่ผู้นำคือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (แอดวานซ์) ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 52% โดยในปี 2543 แทคเพิ่มจำนวนสมาชิกได้ประมาณ 42% การที่แทคมี บริษัท เทเลนอร์ เอเชีย จำกัด (เทเลนอร์) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทโทรคมนาคมของรัฐบาลนอร์เวย์คือ บริษัท เทเลนอร์ เอเอส ร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการแข่งขันแก่แทคในด้านเทคโนโลยีและการตลาด รวมทั้งยังช่วยเสริมอำนาจการต่อรองในการซื้ออุปกรณ์และโทรศัพท์เคลื่อนที่ของแทคด้วย นอกจากนี้การลงทุนของเทเลนอร์ยังช่วยให้แทคมีอัตราส่วนหนี้สินต่อเงินทุนรวมลดลงด้วย
ทริสกล่าวว่าแทคมีแผนการที่จะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้จำนวน 15,000 ล้านบาทไปใช้ชำระคืนหนี้หุ้นกู้แปลงสภาพและตราสารเงินกู้ระยะยาวที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2544 การที่แทคได้ซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพคืนจากตลาดรองจำนวน 42 ล้านดอลล่าร์สหรัฐระหว่างเดือนกันยายนและพฤศจิกายน 2543 ทำให้ภาระหนี้ที่แทคจะต้องชำระคืนในปี 2544 คงเหลือเพียง 379 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งได้มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้แทคยังมีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารซึ่งประกอบด้วยสินเชื่อระยะยาว 13,000 ล้านบาทและสินเชื่อหมุนเวียนอีก 3,000 ล้านบาทซึ่งแทคคาดว่าเงินที่จะได้จากการขายหุ้นกู้ดังกล่าวอาจใช้ทดแทนการกู้ยืมจากวงเงินสินเชื่อจำนวน 13,000 ล้านบาทจากธนาคาร
แทคได้ปรับแผนการลงทุนเพื่อขยายเครือข่ายและพัฒนาคุณภาพการให้บริการโดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 640 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในช่วงปี 2544 - 2546 ซึ่งประกอบด้วยเงินลงทุนประมาณ 340 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในปี 2544 และอีกประมาณ 300 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในปี 2545 - 2546 ทริสกังวลว่าการลงทุนจำนวนมากดังกล่าวจะส่งผลให้แทคมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นเนื่องจากแหล่งเงินในการลงทุนส่วนหนึ่งจะต้องมาจากการกู้ยืม -- จบ
ทริสคาดว่าการเติบโตของโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศยังคงขยายตัวในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่องภายหลังจากที่เคยเติบโตสูงถึง 53% ในปี 2543 โดยปัจจัยกระตุ้นได้แก่ ต้นทุนแรกเข้าในการใช้บริการที่ต่ำลง การส่งเสริมการขายที่จูงใจผู้บริโภค และความนิยมในการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ Pre-paid นอกจากนี้อัตราการมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ต่อประชากรของประเทศที่ระดับต่ำประมาณ 6% ณ สิ้นปี 2543 ยังแสดงถึงช่องทางในการขยายตัวที่มีอีกมาก อย่างไรก็ตาม คาดว่าการแข่งขันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นจากการมีผู้ประกอบการรายใหม่ ในขณะที่ผู้ประกอบธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังคงมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบเนื่องจากปัจจุบัน พรบ. ประกอบกิจการโทรคมนาคมฉบับใหม่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา อีกทั้งยังไม่มีการพิจารณาคัดเลือกคณะกรรมการกิจการโทรคม-นาคมแห่งชาติ (กทช.) แต่อย่างใด
ทริสรายงานว่าแทคเป็นผู้ให้บริการระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับสองโดยมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 41% ในขณะที่ผู้นำคือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (แอดวานซ์) ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 52% โดยในปี 2543 แทคเพิ่มจำนวนสมาชิกได้ประมาณ 42% การที่แทคมี บริษัท เทเลนอร์ เอเชีย จำกัด (เทเลนอร์) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทโทรคมนาคมของรัฐบาลนอร์เวย์คือ บริษัท เทเลนอร์ เอเอส ร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการแข่งขันแก่แทคในด้านเทคโนโลยีและการตลาด รวมทั้งยังช่วยเสริมอำนาจการต่อรองในการซื้ออุปกรณ์และโทรศัพท์เคลื่อนที่ของแทคด้วย นอกจากนี้การลงทุนของเทเลนอร์ยังช่วยให้แทคมีอัตราส่วนหนี้สินต่อเงินทุนรวมลดลงด้วย
ทริสกล่าวว่าแทคมีแผนการที่จะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้จำนวน 15,000 ล้านบาทไปใช้ชำระคืนหนี้หุ้นกู้แปลงสภาพและตราสารเงินกู้ระยะยาวที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2544 การที่แทคได้ซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพคืนจากตลาดรองจำนวน 42 ล้านดอลล่าร์สหรัฐระหว่างเดือนกันยายนและพฤศจิกายน 2543 ทำให้ภาระหนี้ที่แทคจะต้องชำระคืนในปี 2544 คงเหลือเพียง 379 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งได้มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้แทคยังมีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารซึ่งประกอบด้วยสินเชื่อระยะยาว 13,000 ล้านบาทและสินเชื่อหมุนเวียนอีก 3,000 ล้านบาทซึ่งแทคคาดว่าเงินที่จะได้จากการขายหุ้นกู้ดังกล่าวอาจใช้ทดแทนการกู้ยืมจากวงเงินสินเชื่อจำนวน 13,000 ล้านบาทจากธนาคาร
แทคได้ปรับแผนการลงทุนเพื่อขยายเครือข่ายและพัฒนาคุณภาพการให้บริการโดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 640 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในช่วงปี 2544 - 2546 ซึ่งประกอบด้วยเงินลงทุนประมาณ 340 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในปี 2544 และอีกประมาณ 300 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในปี 2545 - 2546 ทริสกังวลว่าการลงทุนจำนวนมากดังกล่าวจะส่งผลให้แทคมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นเนื่องจากแหล่งเงินในการลงทุนส่วนหนึ่งจะต้องมาจากการกู้ยืม -- จบ