บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศผลทบทวนอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน 5,000 ล้านบาททั้งสองชุด ของบริษัท จีอี แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "A+" คงเดิม โดยอันดับเครดิตสะท้อนธุรกิจการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของบริษัทที่เติบโตอย่างมาก รวมถึงการสนับสนุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากบริษัทแม่คือ บริษัท เจเนอรัล อีเล็คทริค แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น (จีอีซีซี) อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของหนี้สินต่อทุนซึ่งอยู่ในระดับที่สูง และภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ เป็นปัจจัยที่บั่นทอนอันดับเครดิตของบริษัท
ทริสรายงานว่าแม้ว่าสัดส่วนของธุรกิจให้สินเชื่อเช่าซื้อสำหรับรถใช้แล้วของบริษัท จีอี แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) จะเพิ่มขึ้นมาก แต่บริษัทยังคงมุ่งเน้นการให้สินเชื่อเช่าซื้อสำหรับรถใหม่ ทั้งนี้ ยอดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทั้งหมดของบริษัทในปี 2543 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 23,917 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 92.2% จากปี 2542 และสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2544 สินเชื่อเช่าซื้อของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 28,447 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 41.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2543 ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา บริษัทพึ่งพิงแหล่งเงินทุนจากบริษัทแม่เป็นจำนวนมากในการขยายฐานสินทรัพย์ ซึ่งทำให้ได้เปรียบคู่แข่งจากการมีต้นทุนเงินทุนที่ต่ำลง จีอีซีซี ได้ขยายวงเงินสินเชื่อให้แก่บริษัทจาก 130 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปี 2540 เป็น 600 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในต้นปี 2544 และขยายวงเงินในรูปของหนี้ด้อยสิทธิจาก 10 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปี 2540 เป็น 40 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2544 เงินทุนจำนวนมากดังกล่าวทำให้บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินและมีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีความเพียงพอในการขยายกิจการ นอกจากนี้ บริษัทยังมีการบริหารแหล่งที่มาและใช้ไปของทุนอย่างระมัดระวังเพื่อให้สมดุลและสอดคล้องกับมาตรฐานการจัดการสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัทแม่
ทริสกล่าวว่า การแข่งขันทางด้านราคาในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นสิ่งท้าทายการดำเนินธุรกิจของบริษัท ในปี 2545 จีอีซีซี วางแผนจะจัดโครงสร้างการบริหารทุนในรูปแบบใหม่เพื่อใช้เป็นแหล่งสนับสนุนเงินทุนให้แก่บริษัทลูกทั้งหมดในประเทศไทย โดยโครงสร้างใหม่นี้จะช่วยให้บริษัทมีแหล่งเงินทุนในการขยายกิจการที่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งเงินทุนจากบริษัทแม่หรือจากแหล่งอื่นๆ เพื่อรองรับธุรกิจของบริษัทต่างๆ ในกลุ่มของจีอีในประเทศไทย และด้วยโครงสร้างทางการเงินใหม่ดังกล่าว ประกอบกับความน่าเชื่อถือของ จีอีซีซี คาดว่าจะช่วยทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทลดลง
บริษัทได้นำระบบการจัดการคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทแม่มาใช้อย่างต่อเนื่อง อัตราส่วนสินเชื่อที่หยุดรับรู้รายได้ของบริษัทต่อสินเชื่อเฉลี่ยลดลงจาก 0.96% ในปี 2542 มาอยู่ที่ 0.91% ในปี 2543 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 230 ล้านบาทในปี 2543 เป็น 520 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2544 อย่างไรก็ตาม จากการที่สินทรัพย์ของบริษัทได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่กำไรสะสมที่เพิ่มขึ้นมิได้เพิ่มฐานของทุนในสัดส่วนเดียวกันกับการขยายตัวของสินทรัพย์ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทจึงเพิ่มขึ้น และทำให้อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ลดลงจาก 8.96% ในปี 2542 เป็น 5.67% ในปี 2543 ทริสกล่าว -- จบ
ทริสรายงานว่าแม้ว่าสัดส่วนของธุรกิจให้สินเชื่อเช่าซื้อสำหรับรถใช้แล้วของบริษัท จีอี แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) จะเพิ่มขึ้นมาก แต่บริษัทยังคงมุ่งเน้นการให้สินเชื่อเช่าซื้อสำหรับรถใหม่ ทั้งนี้ ยอดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทั้งหมดของบริษัทในปี 2543 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 23,917 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 92.2% จากปี 2542 และสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2544 สินเชื่อเช่าซื้อของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 28,447 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 41.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2543 ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา บริษัทพึ่งพิงแหล่งเงินทุนจากบริษัทแม่เป็นจำนวนมากในการขยายฐานสินทรัพย์ ซึ่งทำให้ได้เปรียบคู่แข่งจากการมีต้นทุนเงินทุนที่ต่ำลง จีอีซีซี ได้ขยายวงเงินสินเชื่อให้แก่บริษัทจาก 130 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปี 2540 เป็น 600 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในต้นปี 2544 และขยายวงเงินในรูปของหนี้ด้อยสิทธิจาก 10 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปี 2540 เป็น 40 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2544 เงินทุนจำนวนมากดังกล่าวทำให้บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินและมีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีความเพียงพอในการขยายกิจการ นอกจากนี้ บริษัทยังมีการบริหารแหล่งที่มาและใช้ไปของทุนอย่างระมัดระวังเพื่อให้สมดุลและสอดคล้องกับมาตรฐานการจัดการสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัทแม่
ทริสกล่าวว่า การแข่งขันทางด้านราคาในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นสิ่งท้าทายการดำเนินธุรกิจของบริษัท ในปี 2545 จีอีซีซี วางแผนจะจัดโครงสร้างการบริหารทุนในรูปแบบใหม่เพื่อใช้เป็นแหล่งสนับสนุนเงินทุนให้แก่บริษัทลูกทั้งหมดในประเทศไทย โดยโครงสร้างใหม่นี้จะช่วยให้บริษัทมีแหล่งเงินทุนในการขยายกิจการที่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งเงินทุนจากบริษัทแม่หรือจากแหล่งอื่นๆ เพื่อรองรับธุรกิจของบริษัทต่างๆ ในกลุ่มของจีอีในประเทศไทย และด้วยโครงสร้างทางการเงินใหม่ดังกล่าว ประกอบกับความน่าเชื่อถือของ จีอีซีซี คาดว่าจะช่วยทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทลดลง
บริษัทได้นำระบบการจัดการคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทแม่มาใช้อย่างต่อเนื่อง อัตราส่วนสินเชื่อที่หยุดรับรู้รายได้ของบริษัทต่อสินเชื่อเฉลี่ยลดลงจาก 0.96% ในปี 2542 มาอยู่ที่ 0.91% ในปี 2543 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 230 ล้านบาทในปี 2543 เป็น 520 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2544 อย่างไรก็ตาม จากการที่สินทรัพย์ของบริษัทได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่กำไรสะสมที่เพิ่มขึ้นมิได้เพิ่มฐานของทุนในสัดส่วนเดียวกันกับการขยายตัวของสินทรัพย์ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทจึงเพิ่มขึ้น และทำให้อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ลดลงจาก 8.96% ในปี 2542 เป็น 5.67% ในปี 2543 ทริสกล่าว -- จบ