ทริสประกาศใช้ National Scale Rating เผยนักลงทุนประเมินความเสี่ยงตราสารเงินบาทได้ชัดเจนขึ้น
ทริสประกาศใช้ระบบ National Scale Rating ในการจัดอันดับองค์กรและตราสารหนี้ เผยเป็นระบบที่เหมาะสมยิ่งขึ้น เนื่องจากทริสจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้สกุลเงินบาทเท่านั้น และนักลงทุนที่นำอันดับเครดิตไปใช้ประโยชน์ก็สามารถนำไปเปรียบเทียบความเสี่ยงกับตราสารสกุลเงินบาทด้วยกันเอง ทั้งนี้สำนักงาน ก.ล.ต. เห็นชอบกับระบบดังกล่าวแล้ว
ดร. พนัส สิมะเสถียร ประธานกรรมการ บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2543 ว่า ทริสได้นำวิธีการจัดอันดับเครดิตระบบ National Scale Rating มาใช้โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2543 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่าองค์กรหรือตราสารหนี้ ในสกุลเงินท้องถิ่นที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุดในประเทศจะได้รับอันดับเครดิตในระดับสูงสุดคือ "AAA" และองค์กรหรือตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงมากกว่านี้ก็จะได้รับอันดับเครดิตที่ลดหลั่นกันไป
ดร. วรภัทร โตธนะเกษม กรรมการผู้จัดการทริส กล่าวว่า ในปัจจุบันสถาบันจัดอันดับเครดิตนานาชาติเริ่มดำเนินการจัดอันดับเครดิตแบบ National Scale Rating มากขึ้น เพราะตลาดตราหนี้สกุลเงินท้องถิ่นของประเทศต่างๆ เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีนักลงทุนต่างประเทศจำนวนไม่น้อยที่ลงทุนในตราสารหนี้สกุลเงินท้องถิ่นและมีความประสงค์จะเปรียบเทียบอันดับความเสี่ยงของตราสารนั้นกับตราสารอื่นๆ ในสกุลเงินเดียวกันเท่านั้น จึงทำให้ National Scale Rating มีประโยชน์มากขึ้น
"ทริส ในฐานะที่เป็นสถาบันจัดอันดับเครดิตแห่งเดียวของไทย และจัดอันดับเฉพาะองค์กรหรือตราสารหนี้ที่เป็นสกุลเงินบาทเท่านั้น จึงเห็นสมควรนำระบบดังกล่าวมาใช้ เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนมากยิ่งขึ้นเนื่องจากนักลงทุนมักเปรียบเทียบความเสี่ยงระหว่างตราสารหนี้สกุลเงินบาทด้วยกันเท่านั้น" กรรมการผู้จัดการทริสกล่าว
ในการนำระบบดังกล่าวมาใช้ทริสได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว โดยทริสได้ทบทวนอันดับเครดิตของลูกค้าทั้งหมดเพื่อให้สอดคล้องกับระบบนี้ และจะประกาศอันดับเครดิตที่ได้ทบทวนแล้วโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2543 เป็นต้นไป