เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2544 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ได้ประกาศอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันมูลค่า 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2547 ของบริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือแคล-คอมพ์ ในระดับ "BBB" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการผลิตและจำหน่ายสินค้าหลายชนิด การควบคุมคุณภาพที่เป็นที่ยอมรับ และแนวโน้มของอุตสาหกรรมการจ้างการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนด้วยสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงและข้อจำกัดในการทำกำไรของอุตสาหกรรม รวมทั้งการกระจุกตัวของกลุ่มลูกค้าของบริษัท
ทริสรายงานว่า ในฐานะบริษัทรับจ้างผลิต (Original Equipment Manufacturing - OEM) แคล-คอมพ์เป็นผู้ประกอบสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกแบบและจัดจำหน่ายโดยเจ้าของตราสินค้าเป็นส่วนใหญ่ โดยได้พัฒนาสายการผลิตให้มีความยืดหยุ่นเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาดและความต้องการของลูกค้า จำนวน 2 ใน 3 ของสินค้าของบริษัทใช้เทคโนโลยีระดับกลาง ส่วนที่เหลือใช้เทคโนโลยีระดับล่าง รายได้จากการขายสินค้าสำนักงานต่อรายได้จากการขายทั้งหมดของบริษัทลดลงจาก 59% ในปี 2540 เป็น 14% ในปี 2543 ในขณะที่รายได้จากการขายสินค้าโทรคมนาคมเพิ่มจาก 8% เป็น 28% และรายได้จากการขายสินค้าคอมพิวเตอร์เพิ่มจาก 15% เป็น 55% ในช่วงเดียวกัน
บริษัทได้เน้นการควบคุมคุณภาพสินค้า การตั้งราคาที่สามารถแข่งขันได้ในตลาด การจัดส่งสินค้าที่ตรงเวลา และการมีสายการผลิตที่ยืดหยุ่นเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังพยายามรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีกับผู้ขายวัตถุดิบเพื่อรักษาต้นทุนการผลิตให้อยู่ในระดับต่ำและดูแลการจัดส่งวัตถุดิบเพื่อส่งมอบสินค้าแก่ลูกค้าให้ตรงเวลา
สภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดอิเล็กทรอนิกส์ทำให้บริษัทเจ้าของเทคโนโลยีพยายามเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันโดยเน้นการทำธุรกรรมที่จำเป็น เช่น การคิดค้นนวัตกรรมการออกแบบสินค้า การสร้างตราสินค้า และการจ้างให้บริษัทอื่นที่มีความชำนาญเฉพาะด้านเป็นผู้ดำเนินงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรของบริษัท จากความสามารถในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้เป็นจำนวนมากของบริษัทรับจ้างผลิต ทำให้มีการประมาณการจาก Technology Forecasters, Inc. ว่าอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตในอัตราเฉลี่ยที่มากกว่า 20% ต่อปีนับตั้งแต่ปี 2541 จนถึงปี 2546 การแข่งขันในระหว่างบริษัทรับจ้างผลิตด้วยกันเองมีความรุนแรงเนื่องจากบริษัทเจ้าของเทคโนโลยีจะระมัดระวังในการคัดเลือกบริษัทรับจ้างผลิตด้วยการพิจารณาในด้านราคา ประสบการณ์ คุณภาพสินค้า และความไว้วางใจในการจัดส่งสินค้าตามกำหนดเวลา จากภาวะการแข่งขันดังกล่าวส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ผลิตวัตถุดิบเพื่อรักษาเงื่อนไขที่ดีในการซื้อวัตถุดิบ
เนื่องจากต้นทุนแปรผันของอุตสาหกรรมนี้มีมูลค่ามากกว่า 90% ของยอดขาย บริษัทจึงคาดว่าจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ประมาณ 5% - 6% ซึ่งใกล้เคียงกับผู้ประกอบการรายอื่น แม้ว่าบริษัทมีแผนในการกระจายกลุ่มลูกค้า แต่ทริสเห็นว่าฐานลูกค้าที่มีจำกัดในปัจจุบันอาจสร้างความเสี่ยงให้แก่บริษัทได้ โดยที่กว่า 78% ของรายได้จากการขายทั้งหมดในปี 2543 มาจากลูกค้ารายใหญ่ 5 รายแรก
บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินและโครงสร้างเงินทุนในระดับปานกลาง โดยในปี 2543 มีเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมประมาณ 44.3% และมีเงินกู้รวมต่อแหล่งเงินทุนประมาณ 48.7% ทั้งนี้ เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรจากอุตสาหกรรมนี้อยู่ในระดับต่ำ โดยบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ประมาณ 6.1% ในปีดังกล่าว บริษัทได้วางแผนการออกหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน 4,000 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2544 เพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น -- จบ
ทริสรายงานว่า ในฐานะบริษัทรับจ้างผลิต (Original Equipment Manufacturing - OEM) แคล-คอมพ์เป็นผู้ประกอบสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกแบบและจัดจำหน่ายโดยเจ้าของตราสินค้าเป็นส่วนใหญ่ โดยได้พัฒนาสายการผลิตให้มีความยืดหยุ่นเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาดและความต้องการของลูกค้า จำนวน 2 ใน 3 ของสินค้าของบริษัทใช้เทคโนโลยีระดับกลาง ส่วนที่เหลือใช้เทคโนโลยีระดับล่าง รายได้จากการขายสินค้าสำนักงานต่อรายได้จากการขายทั้งหมดของบริษัทลดลงจาก 59% ในปี 2540 เป็น 14% ในปี 2543 ในขณะที่รายได้จากการขายสินค้าโทรคมนาคมเพิ่มจาก 8% เป็น 28% และรายได้จากการขายสินค้าคอมพิวเตอร์เพิ่มจาก 15% เป็น 55% ในช่วงเดียวกัน
บริษัทได้เน้นการควบคุมคุณภาพสินค้า การตั้งราคาที่สามารถแข่งขันได้ในตลาด การจัดส่งสินค้าที่ตรงเวลา และการมีสายการผลิตที่ยืดหยุ่นเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังพยายามรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีกับผู้ขายวัตถุดิบเพื่อรักษาต้นทุนการผลิตให้อยู่ในระดับต่ำและดูแลการจัดส่งวัตถุดิบเพื่อส่งมอบสินค้าแก่ลูกค้าให้ตรงเวลา
สภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดอิเล็กทรอนิกส์ทำให้บริษัทเจ้าของเทคโนโลยีพยายามเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันโดยเน้นการทำธุรกรรมที่จำเป็น เช่น การคิดค้นนวัตกรรมการออกแบบสินค้า การสร้างตราสินค้า และการจ้างให้บริษัทอื่นที่มีความชำนาญเฉพาะด้านเป็นผู้ดำเนินงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรของบริษัท จากความสามารถในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้เป็นจำนวนมากของบริษัทรับจ้างผลิต ทำให้มีการประมาณการจาก Technology Forecasters, Inc. ว่าอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตในอัตราเฉลี่ยที่มากกว่า 20% ต่อปีนับตั้งแต่ปี 2541 จนถึงปี 2546 การแข่งขันในระหว่างบริษัทรับจ้างผลิตด้วยกันเองมีความรุนแรงเนื่องจากบริษัทเจ้าของเทคโนโลยีจะระมัดระวังในการคัดเลือกบริษัทรับจ้างผลิตด้วยการพิจารณาในด้านราคา ประสบการณ์ คุณภาพสินค้า และความไว้วางใจในการจัดส่งสินค้าตามกำหนดเวลา จากภาวะการแข่งขันดังกล่าวส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ผลิตวัตถุดิบเพื่อรักษาเงื่อนไขที่ดีในการซื้อวัตถุดิบ
เนื่องจากต้นทุนแปรผันของอุตสาหกรรมนี้มีมูลค่ามากกว่า 90% ของยอดขาย บริษัทจึงคาดว่าจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ประมาณ 5% - 6% ซึ่งใกล้เคียงกับผู้ประกอบการรายอื่น แม้ว่าบริษัทมีแผนในการกระจายกลุ่มลูกค้า แต่ทริสเห็นว่าฐานลูกค้าที่มีจำกัดในปัจจุบันอาจสร้างความเสี่ยงให้แก่บริษัทได้ โดยที่กว่า 78% ของรายได้จากการขายทั้งหมดในปี 2543 มาจากลูกค้ารายใหญ่ 5 รายแรก
บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินและโครงสร้างเงินทุนในระดับปานกลาง โดยในปี 2543 มีเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมประมาณ 44.3% และมีเงินกู้รวมต่อแหล่งเงินทุนประมาณ 48.7% ทั้งนี้ เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรจากอุตสาหกรรมนี้อยู่ในระดับต่ำ โดยบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ประมาณ 6.1% ในปีดังกล่าว บริษัทได้วางแผนการออกหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน 4,000 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2544 เพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น -- จบ