ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น” ที่ “AA+” และเปลี่ยนแนวโน้มเป็น “Negative” จาก “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 29, 2017 16:30 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA+” โดยเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Negative” หรือ “ลบ” จาก "Stable" หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้ประกอบธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ในด้านการสร้างรายได้เป็นอันดับ 2 ของประเทศ รวมทั้งการมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจำนวนมากจากการมีสภาพคล่องที่เพียงพอ อันดับเครดิตยังมีปัจจัยเสริมจากการที่บริษัทได้รับการสนับสนุนจาก Telenor ASA (Telenor) ด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมสื่อสารแบบไร้สาย รวมทั้งจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลงของบริษัท และเงินลงทุนก้อนใหญ่สำหรับการลงทุนขยายโครงข่าย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่อ่อนแอลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง สถานะทางการเงินของบริษัทคาดว่าน่าจะอ่อนแอลงในระยะปานกลางเมื่อพิจารณาถึงการแข่งขันที่สูงและภาระหนี้ของบริษัทที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากคลื่นความถี่ใหม่และจากการขยายโครงข่ายให้ครอบคลุม

อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับแรงกดดันให้ต้องปรับลดลงได้หากสถานะทางการเงินของบริษัทถดถอยลงอีกอันเป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลง และ/หรือระดับภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ โอกาสในการปรับลดอันดับเครดิตก็อาจเกิดขึ้นได้หากบริษัทไม่มีคลื่นความถี่ให้เพียงพอต่อการให้บริการเพื่อคงความสามารถในการแข่งขันเอาไว้ให้ได้ แนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับกลับมาเป็น “Stable” หรือ “คงที่” หากบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นโดยสามารถคงความแข็งแกร่งทางการเงินเอาไว้ได้ ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทอาจเปลี่ยนแปลงในกรณีที่ระดับความช่วยเหลือที่บริษัทได้รับจาก Telenor มีการเปลี่ยนแปลงไป

บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น ก่อตั้งในปี 2532 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2550 ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2560 Telenor ถือหุ้นในสัดส่วน 42.6% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท โดยบริษัทมีลูกค้า ณ สิ้นปี 2559 จำนวนทั้งสิ้น 24.5 ล้านราย สร้างรายได้รวม 82,478 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายประมาณ 27,300 ล้านบาทในปี 2559

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้ประกอบธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 26% ของรายได้รวมของอุตสาหกรรม บริษัทให้บริการบนคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิร์ทซ์ (Megahertz -- MHz) 1800 เมกะเฮิร์ทซ์ และ 2.1 กิกะเฮิร์ทซ์ (Gigahertz -- GHz) บริษัทถือครองคลื่นความถี่อยู่รวม 50 เมกะเฮิร์ทซ์ซึ่งเพียงพอต่อการให้บริการแก่ลูกค้า อย่างไรก็ตาม สำหรับสิทธิในการใช้คลื่นความถี่ 850 MHz และ 1800 MHz จำนวน 35 MHz ภายใต้สัมปทานจะหมดอายุลงในเดือนกันยายน 2561 ในขณะที่คลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ทซ์จำนวน 15 MHz ภายใต้ใบอนุญาตยังคงใช้ได้ถึงปี 2570 บริษัทจึงจำเป็นจะต้องเข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อให้มีคลื่นความถี่เพียงพอสำหรับการให้บริการ ดังนั้น บริษัทจึงมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งคลื่นความถี่ในอนาคตซึ่งรวมถึงใบอนุญาตที่อาจมีราคาแพง ความไม่แน่นอนในกำหนดเวลาการประมูล และแผนการบริหารคลื่นความถี่ของภาครัฐที่จะออกมา นอกจากนี้ บริษัทยังต้องย้ายลูกค้า 2G (Second Generation) ไปยังโครงข่ายภายใต้ใบอนุญาตก่อนสัมปทานโครงข่าย 2G จะหมดอายุลงด้วย ปัจจุบัน บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมกำลังแสวงหาพันธมิตรเข้าร่วมให้บริการบรอดแบนด์แบบไร้สายโดยใช้คลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ทซ์ ในการนี้ บริษัทแสดงความสนใจเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัททีโอที โดยหากบริษัทได้รับคัดเลือกและความร่วมมือเกิดขึ้นก็จะช่วยให้บริษัทมีคลื่นความถี่เพิ่มเติมและยังช่วยลดความเสี่ยงระยะสั้นจากจำนวนคลื่นความถี่ของบริษัทลงได้อย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย

อันดับเครดิตของบริษัทยังได้รับแรงหนุนจากการสนับสนุนของ Telenor ในด้านความช่วยเหลือในการบริหารจัดการและความรู้ด้านเทคโนโลยีด้วย ทั้งนี้ บริษัทถือว่ามีความสำคัญต่อธุรกิจของ Telenor โดยบริษัทเป็นผู้สร้างรายได้ในระดับแนวหน้าในกลุ่มบริษัทที่ Telenor ลงทุนนอกประเทศนอร์เวย์ ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดหวังว่า Telenor จะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทในยามที่ต้องการเช่นกัน

อันดับเครดิตมีปัจจัยลดทอนบางส่วนจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม ทั้งนี้ สืบเนื่องจากภาวะตลาดที่ค่อนข้างอิ่มตัวและมีความอ่อนไหวต่อราคา จึงส่งผลทำให้ผู้ประกอบการต้องแข่งขันกันด้วยกิจกรรมทางการตลาด ราคาแพคเกจ ตลอดจนการสนับสนุนค่าเครื่องโทรศัพท์ให้แก่ลูกค้าเพื่อที่จะรักษาฐานลูกค้าและส่วนแบ่งทางการตลาดเอาไว้ การแข่งขันที่รุนแรงเป็นผลทำให้จำนวนลูกค้าของบริษัทลดลงจาก 25.3 ล้านรายในปี 2558 เหลือ 24.5 ล้านรายในปี 2559 เนื่องจากคู่แข่งใช้โปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่รุนแรงเพื่อแย่งลูกค้าบางส่วนไป

นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังมีข้อจำกัดจากการที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนจำนวนมากเพื่อใช้ลงทุนขยายโครงข่ายอีกด้วย เนื่องจากผู้ให้บริการแต่ละรายต้องใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่เพื่อขยายโครงข่ายให้บริการ 4G ให้ครอบคลุม ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนในช่วงปี 2560-2562 ประมาณ 57,000 ล้านบาทเพื่อลงทุนขยายโครงข่าย 4G ทั่วประเทศ อนึ่ง เงินลงทุนดังกล่าวยังไม่รวมต้นทุนค่าใบอนุญาตใหม่

ผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงเมื่อเทียบกับบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยรายได้จากการให้บริการที่ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (Interconnection Charges -- IC) ของบริษัทอยู่ที่ 64,693 ล้านบาทในปี 2559 ลดลง 2% จากปีก่อน ในขณะที่มูลค่าทางการตลาดในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปี 2559 อยู่ที่ประมาณ 245,000 ล้านบาท หรือเติบโต 5% จากปี 2558 ตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราประมาณ 3% ต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่บริษัทมีรายได้จากการให้บริการลดลงอย่างต่อเนื่องในอัตรา 2.5% โดยเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นจาก 31.5% ในปี 2558 มาอยู่ที่ 32.8% ในปี 2559 แต่ก็ยังคงได้รับแรงกดดันจากต้นทุนในการบริหารโครงข่ายภายใต้ใบอนุญาตและโครงข่ายภายใต้สัมปทาน รวมทั้งจากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจำนวนมาก และจากภาระค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่สูง กำไรสุทธิของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาโดยอยู่ที่ระดับประมาณ 2,100 ล้านบาทในปี 2559

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการมีกระแสเงินสดก้อนใหญ่ ความยืดหยุ่นทางการเงินที่ดี และสภาพคล่องที่เพียงพอของบริษัทอีกด้วย เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทมีขนาดใหญ่อยู่ที่ 23,543 ล้านบาทในปี 2559 ลดลงจาก 24,790 ล้านบาทในปี 2558 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมยังคงอยู่ในระดับที่เพียงพอที่ 48% ในปี 2559 แต่ลดลงจาก 78% ในปี 2557 และ 52% ในปี 2558 บริษัทมีเงินกู้รวม 49,165 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ 64.4% ในปี 2559 โดยบริษัทมีเงินสดในมือจำนวน 18,293 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทอยู่ที่ 1.1 เท่า

ในอนาคตทริสเรทติ้งเห็นว่าตลาดการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะยังคงมีการแข่งขันสูงต่อไปแม้จะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีจากอุปสงค์การใช้ข้อมูลทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ คาดว่าสถานะทางการเงินของบริษัทน่าจะอ่อนตัวลงเพราะบริษัทมีความต้องการคลื่นความถี่เพิ่มเติมในปี 2561 ในขณะที่ต้นทุนค่าใบอนุญาตน่าจะอยู่ในระดับสูง โดยสมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าต้นทุนในการได้มาซึ่งคลื่นความถี่ใหม่จะทำให้ระดับอัตราส่วนภาระหนี้สินของบริษัทสูงขึ้นในระยะปานกลาง ในช่วงปี 2560-2562 ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการให้บริการของบริษัทจะได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรง ในขณะที่แรงขับเคลื่อนรายได้จะมาจากอุปสงค์การใช้ข้อมูลในระดับที่สูงและการใช้บริการด้านข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนลูกค้ารายเดือนซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ให้สูงขึ้นได้ อีกทั้งยังคาดว่าในช่วงระยะปานกลาง รายได้จากการให้บริการด้านข้อมูลจะเพิ่มขึ้นและชดเชยรายได้จากการให้บริการด้านเสียงที่ลดลงได้ อัตรากำไรของบริษัทแม้ว่าจะได้รับประโยชน์จากต้นทุนส่วนแบ่งรายได้ (Regulatory Cost) ที่ลดลง แต่ยังคงได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงและการมีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจำนวนมาก ในช่วงปี 2560-2562 คาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ในช่วงประมาณ 24,000-29,000 ล้านบาทต่อปี อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอาจเพิ่มสูงขึ้นไปถึงระดับ 80% หากราคาคลื่นความถี่อยู่ในระดับสูงอย่างที่คาดไว้ นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็อาจลดลงไปอยู่ที่ระดับประมาณ 25% อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับต้นทุนเงินลงทุนที่แท้จริงของคลื่นความถี่ใหม่ซึ่งยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายประการทั้งจำนวนคลื่นความถี่ที่จะประมูล หรือระดับความรุนแรงในการแข่งขันประมูลราคา และแผนการบริหารคลื่นความถี่ของภาครัฐที่จะออกมา ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าระดับความยืดหยุ่นทางการเงินที่ดีและการจ่ายเงินปันผลที่ลดลงจะช่วยผ่อนเบาภาระเงินลงทุนก้อนใหญ่ของบริษัทในการขยายโครงข่ายและต้นทุนใบอนุญาตลงได้บางส่วน

บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC)
อันดับเครดิตองค์กร: AA+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ