ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท บีเอสแอล ลีสซิ่ง จำกัด ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ การบริหารความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้ และการสนับสนุนด้านธุรกิจและการเงินจากผู้ถือหุ้นใหญ่ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากการที่บริษัทยังมีเครือข่ายการให้บริการลูกค้าบริเวณรอบนอกกรุงเทพฯ ที่ไม่กว้างขวางพอซึ่งทำให้บริษัทมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้าจากการพึ่งพิงเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ นอกจากนี้ แนวโน้มการเติบโตและกำไรของบริษัทในระยะสั้นยังมีข้อจำกัดจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการแข่งขันที่รุนแรง อีกทั้งความสามารถในการทำกำไรของบริษัทก็ได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่สูงขึ้นจากการที่คุณภาพสินทรัพย์ของลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทถดถอยลงด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่องจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไปพร้อม ๆ กับการเพิ่มความหลากหลายของแหล่งเงินกู้ไปด้วย การพิจารณาแนวโน้มอันดับเครดิตยังรวมไปถึงความคาดหมายที่คณะผู้บริหารของบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดในปัจจุบันเอาไว้ได้ ในขณะที่ฐานทุนจะยังคงแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงจากคุณภาพสินทรัพย์ที่เสื่อมถอย และบริษัทจะมีผลประกอบการทางการเงินตามที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ด้วย
แม้ว่าการปรับเพิ่มอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทจะยังคงไม่เห็นในระยะสั้น แต่หากบริษัทมีสถานะเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจการเงินของธนาคารกรุงเทพภายใต้การกำกับดูแลแบบรวมกลุ่มของธนาคารแห่งประเทศไทยก็มีโอกาสที่อันดับเครดิตของบริษัทจะเข้มแข็งยิ่งขึ้นจากการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มธนาคารกรุงเทพ ในทางกลับกัน หากบริษัทยังคงมีการเสื่อมถอยของคุณภาพสินทรัพย์และสถานะทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทก็อาจถูกปรับลดลงได้
บริษัทบีเอสแอล ลีสซิ่ง ก่อตั้งในปี 2528 โดยการร่วมทุนระหว่างธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในกลุ่มธนาคารกรุงเทพกับ Sumitomo Mitsui Banking Corporation (SMBC) จากประเทศญี่ปุ่นเพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการทางการเงินสำหรับจัดซื้อเครื่องจักรและยานพาหนะในอุตสาหกรรมภายใต้สัญญาลีสซิ่งและเช่าซื้อ ต่อมาในปี 2547 บริษัทได้ขยายสู่ธุรกิจแฟคตอริ่ง ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในปัจจุบันคือกลุ่มธนาคารกรุงเทพซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 35.88% SMBC Group ซึ่งถือหุ้น 40% และ JA Mitsui Leasing, Ltd. ซึ่งถือหุ้น 10% ทั้งธนาคารกรุงเทพและ SMBC Group ต่างก็ให้การสนับสนุนแก่บริษัททั้งในรูปของการให้เงินกู้และการแนะนำลูกค้าให้บางส่วน
ธุรกิจของบริษัทถือว่ามีความกระจุกตัวเนื่องจากบริษัทดำเนินธุรกิจอยู่เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยผ่านการให้บริการของสำนักงานใหญ่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้าด้วยเนื่องจากลูกค้ารายใหญ่ 10 รายแรกของบริษัทคิดเป็นสัดส่วนถึง 35% ของพอร์ตสินเชื่อของบริษัท ณ เดือนธันวาคม 2559
ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงทั้งจากบริษัทให้บริการสินเชื่อและลีสซิ่งอุปกรณ์และเครื่องจักรของญี่ปุ่นรวมถึงบริษัทในเครือของธนาคารพาณิชย์หลายแห่งที่ใช้การแข่งขันด้านราคาเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของตน ทำให้บริษัทสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อ (เฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อเช่าการเงิน) เพิ่มขึ้นเพียง 2.1% ในปี 2559 หรือเพิ่มขึ้น 5,608 ล้านบาท จาก 5,492 ล้านบาทในปี 2558
รายได้สุทธิของบริษัท (ปรับจากรายได้สุทธิของธุรกิจให้เช่าดำเนินงาน) อยู่ที่ 592 ล้านบาทในปี 2559 ลดลงจาก 633 ล้านบาทในปี 2558 ผลประกอบการที่ลดลงอย่างมากในปี 2559 มีสาเหตุหลักมาจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ถดถอยลง ทำให้บริษัทต้องตั้งค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สงสัยจะสูญมากถึง 319 ล้านบาท เป็นผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเพียง 40 ล้านบาทในปี 2559 ลดลงมากถึง 85.6% จากปีก่อน ในทำนองเดียวกัน บริษัทก็มีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยอยู่ที่ 2.2% และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมเฉลี่ยอยู่ที่ 0.5% ในปี 2559 อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบันจะเป็นความท้าทายสำหรับบริษัทในการที่จะรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดรวมถึงเพิ่มผลประกอบการทางการเงินไปพร้อมกับการมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีด้วย
ความสามารถในการบริหารมูลค่าคงเหลือของสินทรัพย์ให้เช่าจะช่วยเพิ่มรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยให้แก่บริษัท อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่ราคารถมือสองลดลง บริษัทมีกำไรจากการขายสินทรัพย์ให้เช่าลดลงเหลือ 13 ล้านบาทในปี 2557 กำไรดังกล่าวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19 ล้านบาทในปี 2558 และ 28 ล้านบาทในปี 2559 ภายหลังจากที่ราคารถยนต์ใช้แล้วผ่านพ้นจุดต่ำสุดในปี 2557 ไปแล้ว
บริษัทถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี โดยมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (ค้างชำระเกิน 3 เดือน) ต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ในระดับต่ำกว่า 1% ในปี 2556 ถึง ปี 2558 อย่างไรก็ดี คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทถดถอยลงหลังจากมีปัญหากับลูกค้ารายใหญ่กลุ่มหนึ่งในปี 2559 ทำให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 8.6% หากไม่รวมผลกระทบจากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวแล้ว คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทยังถือว่าดีและมีสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ค่อนข้างต่ำ โดยที่สถานะทางธุรกิจของบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด
บริษัทถือว่ามีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง อัตราการจ่ายเงินปันผลที่ต่ำช่วยทำให้ฐานทุนของบริษัทปรับเพิ่มขึ้น โดยส่วนของผู้ถือหุ้นเติบโตอย่างต่อเนื่องจาก 1,153 ล้านบาทในปี 2555 เป็น 1,876 ล้านบาทในปี 2559 ทำให้อัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเป็นลำดับจาก 17.3% ในปี 2555 เป็น 23.5% ในปี 2559 อัตราส่วนดังกล่าวถือว่าค่อนข้างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับคู่แข่ง บริษัทยังมีเงินกองทุนที่เข้มแข็งเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงจากภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่ถดถอย ณ เดือนธันวาคม 2559 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 3.3 เท่า ลดลงจาก 3.4 เท่าในปี 2558
บริษัทพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากธนาคารกรุงเทพเป็นหลักในอดีต แต่นับตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมาบริษัทได้กระจายแหล่งกู้ยืมไปยังสถาบันการเงินอื่นมากขึ้นรวมถึงการออกตราสารหนี้ในตลาดทุน บริษัทเริ่มมีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินในปี 2553 ออกหุ้นกู้ในปี 2554 และออก Shogun Bonds 5 ครั้งมูลค่ารวม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างปี 2555-2559 บริษัทมีวงเงินสินเชื่อที่เพียงพอรองรับปัญหาการขาดสภาพคล่องในระยะสั้นที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีกระแสเงินสดที่มีเสถียรภาพจากการมีเงินผ่อนชำระรายเดือนจากลูกค้าและยังมีวงเงินสินเชื่อของธนาคารกรุงเทพที่เก็บเอาไว้ใช้เป็นเงินทุนแหล่งสุดท้ายในกรณีที่มีความต้องการเพิ่มสภาพคล่องในอนาคตด้วย
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html